วัดและศาสนสถาน
1. วัดลาดพร้าว
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watlatphrao1.jpg)
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watlatphrao2.jpg)
เริ่มแรกทีเดียว ประมาณพุทธศักราช 2413 ชาวบ้านลาดพร้าว ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกุฏิขึ้นประมาณ 2 – 3 หลัง บริเวณเยื้องตลาดสุภาพงษ์ด้านเหนือ โดยมีพระอาจารย์เพิ่ม มาอยู่ปกครองวัด ในระยะแรกนี้ ยังเป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น ต่อมาในพุทธศักราช 2417 ชาวบ้านลาดพร้าว มีความเห็นพ้องต้องกับคณะสงฆ์ว่า สมควรย้ายวัดมาอยู่ที่วังลาดพร้าว (วัง คือแอ่งน้ำขังที่กว้างใหญ่กว่าบึง) เพราะสถานที่เดิมนั้นเป็นที่ดอนไม่สะดวกต่อการที่พระสงฆ์สามเณรจะใช้น้ำ จึงได้ย้ายวัดมาสร้างใหม่ที่วังลาดพร้าวนี้เพราะที่แห่งใหม่นี้อยู่ใกล้แหล่งน้ำกว่า และเป็นทางแยกคลองทรงกระเทียมกับคลองลาดพร้าว ทั้งเป็นที่ลุ่มเป็นวังกว้างสะดวกต่อการใช้น้ำ เมื่อย้ายมาอยู่ที่แห่งใหม่แล้วได้มีการสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ ล้วนเป็นไม้ทั้งสิ้น แล้วได้นิมนต์พระอาจารย์ตุ๊ มาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดจนถึงพระครูประสิทธิ์สุภการ(ทองใบ ฐานงกโร) เป็นเจ้าอาวาสปกครองและยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเขตลาดพร้าว อีกด้วย ปัจจุบันพระครูประสิทธิ์สุภการ ได้มรณภาพ และได้มีการแต่งตั้งพระครูวิศิษฎ์สุทธิคุณ (จำรัส) เป็นเจ้าอาวาส วัดลาดพร้าวเมื่อปีพ.ศ. 2549 วัดลาดพร้าวมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 24 ไร่เศษ
วัดลาดพร้าวเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เป็นวัดที่มีความสวยงาม สิ่งสำคัญคือมีปราสาทบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้อัญเชิญมาจากเมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา ประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์ดาวดึงส์เหนือเศียรพระเจ้าเปิดโลก ภายในปราสาทมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จำลองของพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วประเทศนำมาประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้เป็นศิริมงคล
2. วัดสิริกมลาวาส
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watsirikamalawas1.jpg)
วัดสิริกมลาวาส หรือชื่อเดิมที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดใหม่เสนานิคม มีอดีตท่านเจ้าอาวาสอย่างท่านพระครูปราโมทย์ธรรมธาดา หรือหลวงปู่หลอด ปโมทิโต ผู้เป็นที่เคารพนับถือของสาธุชนจำนวนมาก หลวงปู่หลอด
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watsirikamalawas2.jpg)
เป็นพระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงใช้เวลาศึกษากรรมฐาน และออกธุดงค์เป็นเวลาร่วม 26 ปี อีกทั้งหลวงปู่ยังเป็น
ศิษย์องค์สุดท้ายของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ วัดสิริกมลาวาสยังมีของดี คือ ขอนไม้พญางิ้วดำซึ่งเป็นไม้มงคลศักดิ์สิทธิ์มีอายุหลายพันปี ผู้คนให้ความเลื่อมใสศรัทธามาก
3. วัดลาดปลาเค้า
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watladkhao1.jpg)
วัดลาดปลาเค้าก่อตั้งมาเมื่อประมาณก่อนปี พ.ศ.2409 นับเป็นเวลากว่า 136 ปีแล้วเดิมเป็นเพียงนี้เดิมเป็นชุมชนเล็กๆ ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การอยู่อาศัยของสัตว์น้ำโดยเฉพาะ “ปลาเค้า” ซึ่งมีอยู่มากมาย และตัวโตๆ ทั้งนั้น ชุมชนนี้จึงได้ชื่อว่า “ราบปลาเค้า” ซึ่งหมายถึงเป็นที่ราบซึ่งมีปลาเค้าอาศัยอยู่มาก
ต่อมา ปี พ.ศ. 2435 ทางราชการประกาศตั้งสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็น “วัดลาดปลาเค้า” โดยเปลี่ยนจากราบปลาเค้าเป็นลาดปลาเค้า เหตุที่เปลี่ยนเชื่อกันว่าคำ “ราบ” กับ “ลาด” นั้นได้เรียกเพี้ยนกันมาเรื่อย ๆ จน “ราบ”
กลายเป็น “ลาด” ไป ส่วนจะเพี้ยนกันมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทราบได้
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watladkhao2.jpg)
วัดลาดปลาเค้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านกล่าวถึงคืออภินิหาร
และความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อน้อย พุทธสรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สาม ในเรื่องการอยู่ยงคงกระพัน ความร่มเย็นเป็นสุข หากใครได้กราบไหว้บูชาขอพร ขอความช่วยเหลือให้ถูกต้องทำนองคลองธรรมแล้ว จะอยู่ดีกินดีมีความสุข ศัตรูทั้งหลายจะพ่ายแพ้ แม้อุปสรรคทั้งปวงทั้งหลายก็มลายสูญไป เป็นสุขใจแก่ผู้บูชา
4. วัดสาครสุ่นประชาสรรค์
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watsakornsoonprachasan1.jpg)
แรกเริ่มสถานที่ตั้งวัดสาครสุ่นประชาสรรค์ เป็นท้องทุ่งนา หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่าคลองขี้เสือ การสัญจรไปมาสมัยนั้นลำบากมาก การเดินทางต้องใช้ทางเรือมาตามคลองบ้าง ลัดเลาะไปตามคันคูนาบ้าง ชาวบ้านจะไปทำบุญแต่ละครั้งต้องไปยังวัดลาดพร้าว วัดลาดปลาเค้า หรือวัดบึงทองหลาง ซึ่งไปมาลำบากอีกทั้งละแวกย่านนี้ไม่มีวัดใกล้เคียง พระครูธรรมศาสน์อุโฆษ (อาจารย์ช้อย) และพระภิกษุเล็ก (ผู้ใหญ่เล็ก) ได้คิดที่จะสร้างวัดขึ้น จึงได้ปรึกษาคุณย่าสุ่น พานิชเฮ็ง ซึ่งเป็นคหบดีที่ฝักใฝ่ทำนุบำรุงศาสนา มีความยินดีมากจึงได้ตกลงยกที่ดินจำนวน 10 ไร่ 3 งาน 98 ตารางวา อยู่ในท้องที่หมู่ 2 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว ให้เป็นสถานที่สร้างวัดโดยมีพระครูสุวรรณวรวัฒน์ (อาจารย์เลื่อน) เจ้าอาวาสวัดลาดพร้าวในสมัยนั้นรับภาระเรื่องการก่อสร้างวัดด้วยความเต็มใจ ต่อมาได้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัดต่อกรมการศาสนาและได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างวัดได้เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2513 แต่ปีนั้นฝนตกชุกน้ำท่วมทำให้การก่อสร้างวัดไม่สามารถทำได้เพราะการคมนาคมไปมาไม่สะดวก จึงได้เลื่อนการก่อสร้างมาเป็นวันที่ 15 เมษายน 2514 โดยเริ่มก่อสร้างกุฎิครึ่งตึกครึ่งไม้เป็นอันดับแรก
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/watsakornsoonprachasan2.jpg)
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2514 พระครูสุวรรณวรวัฒน์ได้คัดเลือกพระภิกษุสามเณรจำนวน 12 รูป มีท่านพระครูธรรมศาสนโฆษ (ช้อย) เป็นหัวหน้า แต่ท่านอาพาธไม่สามารถมาได้ พระครูวิริยกิจโสภณ (พระมหาหมุน ปนฺนภาโร) จึงได้เป็นหัวหน้ามาแทน พร้อมได้ทำการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างพระอุโบสถ และศาลาการเปรียญ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2515 จวบจนกระทั่งปัจจุบันวัดสาครสุ่นประชาสรรค์ได้เจริญรุ่งเรืองเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนในละแวกนี้ โดยมีพระครูวิริยกิจโสภณ (พระมหาหมุน ปนฺนภาโร) เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกและองค์ปัจจุบันนี้
5. ตำหนักพระแม่กวนอิม
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/tamnak1.jpg)
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/tamnak3.jpg)
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/tamnak2.jpg)
ตำหนักพระแม่กวนอิม ตั้งอยู่ที่ 4/37 ถนนโชคชัย
4 (39) แขวงลาดพร้าว ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2526 เป็นศาสนสถานที่สวยงามตามศิลปะเมืองจีนมีสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่มาจากทั่วโลกโดยเฉพาะโบราณวัตถุ
จากประเทศจีนที่ตื่นตามากมายหาดูได้ยาก ส่วนพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2531 โดยสมเด็จพระ
พุฒาจารย์ วัดมหาธาตุ รักษาการณ์สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น พระมหาเจดีย์หมื่นพระองค์นี้กล่าวว่าใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์มีความสูงถึง 21 ชั้น ที่ความสูง 8.30 เมตร มีความวิจิตรปราณีต สวยงามมาก รอบพระมหาเจดีย์มีรูปพระแม่กวนอิมพันกรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ 4 ทิศ ซึ่งแกะสลักจากไม้จันทร์หอม จากประเทศจีนปิดทองคำเหลืองอร่าม ทั้ง 4 องค์
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000096/ITA/tamnak4.jpg)
ตำหนักพระแม่กวนอิมแห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งหากดูภายนอกจะเห็นเพียงมหาเจดีย์ที่สูงเท่านั้นหากเข้าไปดูภายในจะมีของดีมากมายโดยที่ท่านไม่ต้องเดินทางไปดูถึงต่างประเทศและในเทศกาลกินเจของทุกปีจะมีขบวนแห่องค์พระแม่กวนอิมและเทพเจ้าปางต่างๆ อย่างสวยงามยาวนับกิโลเมตรให้ประชาชนสองข้างทางที่ขบวนแห่ผ่านได้กราบไหว้บูชาอีกด้วย