การเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน

          1. ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ได้แก่ โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นและที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่เจ้าของให้เช่าที่ทำการค้า ที่ไว้สินค้า ที่ประกอบการอุตสาหกรรมที่ให้ญาติหรือผู้อื่นอยู่อาศัย ที่ใช้ประกอบกิจการอื่น ๆ เพื่อหารายได้ในปีที่ล่วงแล้ว
          2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน คือเจ้าของทรัพย์สินตาม ข้อ1 แต่ถ้าที่ดินและโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ เป็นของคนละเจ้าของ เจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ นั้นเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีทั้งสิ้น
          3. กำหนดระยะเวลาให้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี (ภ.ร.ด.2) เจ้าของทรัพย์สินที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.2) ณ สำนักงานเขตท้องที่ซึ่งโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
          4. ฐานภาษีและอัตราภาษี ฐานภาษีที่นำมาคิดคำนวณเพื่อเสียภาษี คือค่ารายปีของทรัพย์สินที่จะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละสิบสองครึ่งของค่ารายปี ซึ่งคิดจากยอดรวมของค่ารายปีทั้งหมดโดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายหรือค่าลดหย่อนใด ๆ ทั้งสิ้น
          ค่ารายปีของทรัพย์สิน คือ จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ โดยจะต้องคำนึงถึงว่าทรัพย์สินนั้น ตามความเป็นจริงแล้วควรจะให้เช่าได้เท่าใดจริง ๆ ในปีหนึ่งเป็นเกณฑ์ ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นให้เช่าให้ถือว่าค่าเช่านั้นคือค่ารายปี แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควรที่ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้หรือเป็นกรณีที่หาค่าเช่าไม่ได้ เนื่องจากเจ้าของทรัพย์สินดำเนินกิจการเอง หรือด้วยเหตุประการอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจประเมินค่ารายปีได้โดยเทียบเคียงกับค่ารายปีของทรัพย์สินที่ให้เช่าที่มีลักษณะของทรัพย์สิน ขนาดพื้นที่ทำเลที่ตั้ง และบริการสาธารณะที่ทรัพย์สินนั้นได้ประโยชน์คล้ายคลึงกันในเขตกรุงเทพมหานคร
หลักฐานที่ใช้ประกอบการเสียภาษี
1. บัตรประจำตัวประชาชน
2. สำเนาใบให้เลขหมายประจำบ้าน
3. สำเนาใบอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคาร
4. สำเนาสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
5. สำเนาโฉนดที่ดินที่ปลูกสร้างโรงเรือน
6. สำเนาสัญญาการเช่า
7. สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีธุรกิจเฉพาะหรือทะเบียนพาณิชย์
8. สำเนาใบอนุญาตตั้งหรือประกอบกิจการโรงงาน
9. หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
10. บัตรประจำตัวผู้เสียภาษีเงินได้ของนิติบุคคล
11. หลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงการเริ่มใช้ประโยชน์ของโรงเรือนพิกัดภาษี เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการค้า ใบอนุญาตใช้สถานที่ขายอาหาร
12. สำเนาทะเบียนบ้านของโรงเรือนพิกัดภาษีและของเจ้าของทรัพย์สิน
13. แผนที่ของที่ตั้งโรงเรือนรายพิกัดภาษี
14. หนังสือมอบอำนาจ กรณีที่ให้ผู้อื่นมาทำการแทน
15. งบดุล (ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร)
16. ในกรณีที่โรงเรือนมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันหลายคน ให้ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมลงลายมือชื่อในแบบ ภ.ร.ด.2 ในฐานะผู้รับประเมินทุกคน หรือจะมอบอำนาจให้คนใดคนหนึ่งก็ได้ การมอบต้องทำเป็นหนังสือและปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย

         5. การชำระภาษี ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินได้รับแจ้งการประเมินแล้ว จะต้องนำเงินค่าภาษีไปชำระภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันถัดจากที่ได้รับแจ้งการประเมิน มิฉะนั้นจะต้องเสียภาษีเพิ่มอีกตามกฎหมาย ดังนี้
1. ถ้าชำระไม่เกิน 1 เดือน นับแต่วันพ้นกำหนด ให้เพิ่มร้อยละ 2.5 ของค่าภาษีที่ค้าง
2. ถ้าเกิน 1 เดือน แต่ไม่เกิน 2 เดือน ให้เพิ่มร้อยละ 5 ของค่าภาษีที่ค้าง
3. ถ้าเกิน 2 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ให้เพิ่มร้อยละ 7.5 ของค่าภาษีที่ค้าง
4. ถ้าเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 4 เดือน ให้เพิ่มร้อยละ 10 ของค่าภาษีที่ค้าง 
          โดยท่านสามารถชำระได้ทุกสำนักงานเขต กองการเงิน ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครด้วยเงินสด บัตรเดบิต บัตรเครดิต เช็ค หรือธนาณัติหรือชำระผ่านธนาคารกรุงไทย ATM รวมทั้งผ่านทาง Internet
1. ป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย
          ป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย ได้แก่ ป้ายแสดงชื่อยี่ห้อหรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่นเพื่อหารายได้ หรือโฆษณาการค้าหรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ไม่ว่าจะได้แสดงหรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยอักษรภาพหรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลัก จารึกหรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น
2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย
          ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย คือ เจ้าของป้าย แต่ในกรณีที่ปรากฏแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีผู้ยื่นแบบแสดงรายการสำหรับภาษีป้ายใด เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจหาตัวเจ้าของป้ายนั้นได้ให้ถือว่าผู้ครอบครองป้ายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ถ้าไม่อาจหาตัวผู้ครอบครองป้ายนั้นได้ ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือที่ดินที่ป้ายนั้นติดตั้งหรือแสดงอยู่เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายตามลำดับ
3. กำหนดระยะเวลาให้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี
          ให้เจ้าของป้ายที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีป้าย ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ในกรณีที่ติดตั้งหรือแสดงป้ายภายหลังเดือนมีนาคม หรือติดตั้งหรือแสดงป้ายใหม่แทนป้ายเดิม หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขป้ายอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของป้ายยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายใน 15 วัน นับแต่วันติดตั้งหรือแสดงป้าย หรือนับแต่วันเปลี่ยนแปลงแก้ไขแล้วแต่กรณี มิฉะนั้นจะต้องเสียเงินเพิ่ม
หลักฐานที่ใช้ประกอบการเสียภาษี
          กรณีป้ายที่ติดตั้งใหม่ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายที่ติดตั้งใหม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) พร้อมหลักฐาน ดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะทะเบียนพาณิชย์
4. หนังสือรับรองหุ้นส่วนบริษัท
5. ใบอนุญาตติดตั้งป้ายหรือใบเสร็จรับเงินจากร้านทำป้าย
          กรณีป้ายรายเก่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายที่เคยยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีป้ายไว้แล้ว ให้นำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีครั้งสุดท้ายไปแสดงด้วย
4. การชำระภาษี
          ผู้มีหน้าที่เสียภาษี เมื่อได้รับแจ้งการประเมินแล้วจะต้องนำเงินค่าภาษีไปชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน มิฉะนั้นจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละสองต่อเดือน โดยสามารถชำระได้ทุกสำนักงานเขต กองการเงินศาลาว่าการกรุงเทพมหานครด้วยเงินสด บัตรเดบิต บัตรเครดิต เช็ค หรือธนาณัติ หรือชำระผ่านธนาคารกรุงไทย ATM รวมทั้งผ่านทาง Internet
แบบฟอร์มสำหรับติดต่อ
1. แบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.2) 
2. คำร้องขออนุญาตการต่างๆ 
3. หนังสือมอบอำนาจ