พิพิธภัณฑ์บ้านคุณหลวงฤทธิณรงค์รอน

ย้อนอดีตกลับไป 140 กว่าปีมาแล้ว บ้านพักอาศัยของคนมีฐานะดี มีตำแหน่งทางสังคมในเมืองหลวงไม่ได้อยู่ในย่านสาธร สุขุมวิท ในยุคที่การคมนาคมทางน้ำยังเป็นสายหลักที่ผู้คนใช้สัญจรไปมาหาสู่กัน สถานที่สำคัญบ้านพักอาศัยของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และคหบดีจึงมักอยู่ติดแม่น้ำลำคลอง โดยเฉพาะย่านฝั่งธนบุรีซึ่งมีชุมชนอยู่อาศัยทำมาหากินมาก่อนฝั่งกรุงเทพฯ ขุนวิจิตรมาตราเล่าไว้ในงานเขียนของท่านว่า ทางฝั่งธนบุรีที่ดินอุดมสมบูรณ์ มีสวนผลไม้นานาชนิด สองฝั่งคลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่เป็นบ้านขุนนางและคหบดีตั้งอยู่เป็นระยะไปตลอดจนออกแม่น้ำเจ้าพระยา บรรพบุรุษคงจะอยู่กันมาตั้งแต่ก่อนย้ายเมืองหลวงข้ามไปทางฝั่งตะวันออก ตัวอย่างสถานที่สำคัญได้แก่ พระราชวังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งอยู่บริเวณปากคลอง ถัดเข้ามามีวังของน.ม.ส. บ้านหมอบรัดเลย์ วังของหม่อมเจ้าตุ้ม บ้านขุนนางตำแหน่งพระยาหลายหลัง และบ้านที่จะนำมาเล่าในที่นี้ คือ บ้านกัปตันเจ๊ก

ในสมัยนั้นบ้านแบบยุโรปกำลังอยู่ในกระแสความนิยม บ้านกัปตันเจ๊กหรือบ้านหลวงฤทธิณรงค์รอนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย  อาคารสองชั้นแบบยุโรปหลังนี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2466 ตรงกับสมัยรัชกาลที่6 โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน และบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อ G. KLUZER&CO. สภาพที่เห็นยังรักษารูปลักษณ์และวัสดุเดิมไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นส่วนหลังคาเปลี่ยนเป็นกระเบื้องโมเนียเพราะหลังคาเดิมรั่ว ปัจจุบันอาคารหลังนี้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากร

 
แผนที่การเดินทาง  (ระบบ Gis กรุงเทพมหานคร)

เลขที่ 554 ซ.เพชรเกษม 2 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ 10600 โทร. 024654580 รถโดยสารประจำทางที่ผ่าน  84,89,542

street  view


  
สิ่งสำคัญ ที่น่าชม  
1. เสน่ห์ของอาคารหลังนี้อยู่ที่การออกแบบ ถ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมขอแนะนำให้เดินดูรอบตัวอาคารอย่างช้าๆสบายๆ ปล่อยสายตาให้ไหลไปตามเส้นตรง เส้นโค้งและเส้นหยักของรูปทรงเรขาคณิตที่ต่อเชื่อมกันอย่างกลมลืน แม้ว่ามองภาพรวมแล้วเป็นอาคารที่วางผังแบบค่อนข้างสมดุล คือมีห้องโถงกลางเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา ลูกเล่นในการออกแบบของสถาปนิกอยู่ที่ห้องด้านซ้ายและขวา ถ้าเริ่มเดินชมโดยวนไปทางซ้ายมือด้านหน้าของฝั่งนี้มีระเบียงเล็กๆ มีเสารับส่วนที่ยื่นออกมาด้านบน ด้านข้างของอาคารมีมุขหลายเหลี่ยมยื่นออกมา ด้านหลังเป็นระเบียงเว้าเข้าตรงกลาง แล้วจึงเป็นวงโค้งเกือบกลมตรงอีกมุมหนึ่ง อีกด้านหนึ่งของอาคารมีมุขโค้งและเฉลียงเล็กๆบนชั้นสอง เมื่อวนกลับมาด้านหน้าฝั่งขวาเป็นมุขหลายเหลี่ยม จะเห็นว่าแต่ละด้าน แต่ละมุมมีความงามที่แตกต่างกัน รูปร่างและรายละเอียดก็ไม่เหมือนกัน เมื่อมองจากด้านหลังอาคารสวยไม่แพ้ด้านหน้า ความแตกต่างของรูปทรงเรขาคณิตที่สถาปนิกนำมาใช้ทำให้มองเพลิน มีลวดลายปูนเป็นวงขดม้วนต่อเนื่องเป็นแถบคาดยาวล้อมรอบบริเวณส่วนกลางอาคารเหมือนผู้หญิงคาดเข็มขัดประดับที่เอว เป็นการตกแต่งอย่างพอเหมาะพอดี ไม่ฟุ่มเฟือย
2. การวางผังภายในอาคารแบ่งเป็นสามส่วนเช่นกัน โถงกลางด้านมีขนาดไม่ใหญ่นัก มีรูปปั้น รูปถ่ายและรูปเขียนคุณหลวงพร้อมรูปภรรยาทั้งสองตั้งอยู่ โคมระย้าโบราณห้อยจากเพดานที่ใช้ไม้ตีเป็นตาราง พื้นเป็นกระดานไม้สัก เช่นเดียวกับส่วนประกอบอื่นที่เป็นไม้ เช่น ประตู หน้าต่าง บันได ช่องลม ใช้ไม้สักทั้งหมด ปีกด้านซ้ายแบ่งเป็นสองห้องเล็ก เคยเป็นห้องนอนของญาติเด็กๆที่นำมาเลี้ยง ส่วนปีกขวาเป็นโถงยาวจากหน้าถึงหลังบ้าน เดิมเป็นห้องที่นิมนต์พระมาเทศน์ ปัจจุบันเป็นห้องซ้อมดนตรีไทยของนักเรียน ด้านหลังห้องมีบันไดเวียนครึ่งวงกลมอยู่แนบติดกับผนังโค้งเป็นทางขึ้นสู่ชั้นสอง บันไดนี้ความพิเศษอยู่ที่ไม่มีเสารับน้ำหนัก แต่ใช้วิธีถ่ายน้ำหนักไปสู่ผนัง แสดงถึงฝีมือของผู้ออกแบบก่อสร้าง เหนือบันไดมีหน้าต่างและช่องกระจกสูงให้แสงและลมผ่านได้ ถ้ามองผ่านหน้าต่างจะเห็นหลังบ้านซึ่งในอดีตเป็นเรือนบริวาร
3. ชั้นบนแบ่งห้องไว้คล้ายกับชั้นล่าง ห้องแรกเคยเป็นห้องนอนของภรรยาคนหนึ่ง ปัจจุบันจัดแสดงเครื่องลายคราม ส่วนหนึ่งทายาทมอบให้ ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าอาวาสองค์ก่อนของวัดสังข์กระจายให้ยืมเพื่อจัดแสดงซึ่งกลุ่มนี้เป็นเครื่องลายครามที่คุณหลวงได้ถวายให้วัด และอีกส่วนหนึ่งมาจากผู้บริจาคในชุมชน ห้องติดกันเป็นห้องกลางซึ่งเคยเป็นห้องนอนของคุณหลวง ผนังด้านซ้ายและขวาของห้องมีประตูด้านละสองบานเชื่อมห้องถึงกันหมด และทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี ห้องอีกด้านหนึ่งแบ่งเป็นห้องเล็กสองห้อง ด้านหน้าเป็นห้องของภรรยาอีกคนหนึ่ง ปัจจุบันประดิษฐานรูปพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานของรัชกาลที่5 หรือรัชกาลที่6 (ส่วนพระพักตร์ไม่ชัด) ส่วนห้องเล็กด้านหลังจัดแสดงชุดไทยและศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นที่มีผู้บริจาค
4. ด้านหน้าห้องคุณหลวงเป็นระเบียงที่คุณหลวงชอบนั่งเล่น ในอดีตถ้าไปยืนที่บริเวณนี้แล้วมองลงไปด้านล่างจะเห็นสนามรูปวงรีมีกระถางลายครามปลูกบัวล้อมรอบ ถัดออกไปเป็นศาลาท่าน้ำ ระหว่างระเบียงกับห้องนอนคั่นด้วยประตูบานเฟี้ยมซึ่งเปิดได้กว้างรับลมที่พัดมาจากคลองผ่านเข้าไปในตัวบ้าน ระเบียงนี้ปัจจุบันประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องประทับยืนปางประทานอภัย (หรือปางห้ามญาติ) สูงเกือบเท่าคนจริง ชื่อว่าพระพุทธมงคลฤทธิณรงค์รอนรังสรรค์ คุณหลวงสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้คุณพริ้งภรรยาคนแรกที่เสียชีวิตไปก่อน พระพุทธรูปองค์นี้ผ่านการบูรณะโดยกรมศิลปากร มีสีทองอร่ามและเครื่องทรงงดงาม ส่วนด้านหลังชั้นบนมีระเบียงจากบันไดต่อยาวไปทางอีกด้านหนึ่งของบ้านโดยไม่ต้องเดินผ่านห้อง สุดระเบียงอีกด้านหนึ่งมีประตูกั้น หลังประตูเป็นบันไดเล็กสำหรับบริวารในบ้านใช้ขึ้นลง
5. คุณหลวงเสียชีวิตเมื่ออายุ 80 ปี ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 8 เนื่องจากคุณหลวงไม่มีทายาทโดยตรง ภรรยาคนที่สองคือคุณยายแจ่มจึงยกบ้านและที่ดินตรงนี้ให้กระทรวงศึกษาเพื่อจัดตั้งโรงเรียน บ้านหลังนี้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปีพ.ศ.2543 จุดเด่นอยู่ที่รูปแบบสถาปัตยกรรม พระพุทธรูปทรงเครื่อง ส่วนเครื่องลายครามชิ้นที่เป็นของเก่ามีลวดลายน่าชมแต่มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนบอร์ดและคำอธิบายที่ติดไว้ภายในตัวบ้านน่าจะออกแบบให้ดูกลมกลืนกับตัวบ้าน
 
สถานที่ถัดไป (หอประชุมกองทัพเรือ)