ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม
Community Development and Social Welfare Section
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาชุมชนและสังคมทั้งทางด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม อนามัย และคุณภาพชีวิต เช่น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การเสริมสร้างศักยภาพของผู้นำชุมชน องค์กรชุมชนและเครือข่ายชุมชน การพัฒนาสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัย การจัดให้มีองค์กรประชาชนในรูปแบบคณะกรรมการชุมชน การส่งเสริมสนับสนุน และจัดตั้งสหกรณ์ชุมชน กองทุนพัฒนาชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง การปรับปรุงชุมชน การรื้อย้ายชุมชน การประสานงานกับหน่วยงานอื่นเพื่อจัดหาที่อยู่ชั่วคราวการส่งเสริมอาชีพ การจัดหาแหล่งจำหน่ายผลผลิต การดำเนินการเกี่ยวกับศูนย์ฝึกอาชีพ การจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัว การดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติด การสงเคราะห์สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมความประพฤติเด็ก การควบคุม ดูแลการดำเนินงานสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์ ศูนย์เยาวชน ห้องสมุดบ้านหนังสือ ศูนย์กีฬา และลานกีฬา การดำเนินการเกี่ยวกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ การให้บริการ และจัดกิจกรรมนันทนาการด้านดนตรี กีฬา ห้องสมุด ฯลฯ งานสภาเยาวชนเขต การอนุรักษ์ส่งเสริม เผยแพร่ ฟื้นฟู บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น งานสภาวัฒนธรรมเขต งานพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายด้านวัฒนธรรม นันทนาการและการท่องเที่ยว การให้คำปรึกษาแนะนำทางวิชา การเกษตร และสภาพแวดล้อมเพื่อการเกษตร การดำเนินการเกี่ยวกับศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร และหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย |
การขอจัดตั้งชุมชน ตามระเบียบกรุงเทพมหานคร
จำนวนบ้านที่ประชาชนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในบริเวณพื้นที่ต่อเนื่องกันจำนวนไม่น้อยกว่า 100 หลัง มีความเห็นพ้องต้องกันที่จะร่วมกันจัดทำกิจกรรมพัฒนาชุมชนของตน และประสงค์จะจัดตั้งชุมชนตามระเบียบกรุงเทพมหานครให้คัดเลือกตัวแทนชุมชนเพื่อทำหน้าที่ประสานงานขอจัดตั้งชุมชน โดยจัดทำเป็นหนังสือขอจัดตั้งชุมชน พร้อมแสดงเหตุผล จากตัวแทนชุมชน ถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่ โดยแนบหลักฐานประกอบการพิจารณาดังนี้
เอกสารประกอบ
1. ภาพถ่ายสภาพชุมชน
2. แบบสำรวจข้อมูลชุมชน
3. ข้อมูลชุมชน
4. ที่ตั้ง แผนที่แสดงขอบเขตของชุมชน และผังแสดงที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างและบริเวณข้างเคียงของชุมชน
5. เจ้าบ้านจำนวนไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนบ้านในชุมชนนั้น ลงนามยินยอมขอจัดตั้ง
6. กรณีที่ดินเป็นของเอกชน หรือเช่า หรืออย่างอื่น ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน
การขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
1. หลักเกณฑ์
1.1 อายุ 60 ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
1.2 เป็นผู้มีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตสาทร
1.3 ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิเช่นผู้รับเงินบำนาญ ผู้รับเงินยังชีพตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยหรือกรุงเทพมหานคร ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือภิกษุสงฆ์ที่ได้รับเงินนิติยะภัต ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนรายได้ประจำหรือผลประโยชน์อื่นใดที่รัฐจัดให้ ยกเว้นคนพิการ และผู้ป่วยโรคเอดส์
2. หลักฐานการจดทะเบียน
2.1 ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนา
2.2 บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา
2.3 สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมสำเนา (ในกรณีผู้สูงอายุขอรับเงินผ่านธนาคาร)
3. วิธีการจ่ายเงิน
จ่ายเป็นเงินสดหรือโอนเข้าบัญชี เป็นรายเดือนๆ ละ 1 ครั้ง โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะประกาศวัน เวลาในการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในวันที่ 1-30 พฤศจิกายน ของทุกปี ในวันและเวลาราชการจำนวนเงินเป็นไปตามขั้นบันไดดังนี้
อายุ 60-69 ปี จะได้รับ 600 บาท
อายุ 70-79 ปี จะได้รับ 700 บาท
อายุ 80-89 ปี จะได้รับ 800 บาท
อายุ 90 ปี ขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท
การขอรับเงินเบี้ยความพิการ
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยคนพิการ
1. มีสัญชาติไทย
2. มีบัตรประจำตัวคนพิการ
3. มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร ตามสำเนาทะเบียนบ้าน
4. ไม่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในความอุปการะของสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือสถานสงเคราะห์ของเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนส่วนใหญ่จากรัฐ หรือถูกขังในเรือนจำตามหมายจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และให้หมายความรวมถึงบุคคลซึ่งถูกขังไว้ตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลงโทษด้วย
คนพิการซึ่งได้รับสิทธิตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายหรือระเบียบอื่น ไม่เป็นการตัดสิทธิที่คนพิการจะได้รับตามระเบียบนี้
หลักฐานประกอบการจดทะเบียน
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้ ในกรณีเป็นผู้เยาว์ใช้สูติบัตร พร้อมสำเนา
2. ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนา (ใช้สำหรับทำบัตรคนพิการ)
3. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมสำเนา (ในกรณีผู้ขอรับเงินเบี้ยความพิการขอรับเงินผ่านธนาคาร)
ขั้นตอนการปฏิบัติของคนพิการ
1. ผู้ยื่นคำขอหมายถึง “คนพิการ” (คุณสมบัติตามที่กำหนด)
1.1 ยื่นคำขอด้วยตนเอง
1.2 ผู้ดูแลคนพิการเป็นผู้ยื่นคำขอฯ แทน
2. กรอกในคำขอฯ ตามแบบที่กำหนด และยื่นคำขอต่อ “สำนักงานเขต”ที่ตนเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
3. ผู้พิการต้องนำหลักฐานประกอบการจดทะเบียนตามที่กำหนดเพื่อแสดงตนขอรับสิทธิ
4. การแจ้งความจำนงขอรับเงินเบี้ยคนพิการ ประกอบด้วย
4.1 รับเงินสดด้วยตนเอง
4.2 รับเงินสดโดยบุคคลที่เป็นผู้ดูแลคนพิการ
4.3 โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามของคนพิการ
4.4 โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามของผู้ดูแลคนพิการ
การจดทะเบียนแทน
หากคนพิการไม่สามารถไปจดทะเบียนได้ด้วยตนเองเนื่องจากมีสภาพความพิการมาก มีความลำบากในการเดินทาง เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถหรือไร้ความ
สามารถให้มีผู้อื่นมาจดทะเบียนแทน ทั้งนี้ผู้จดทะเบียนแทนต้องนำเอกสารมาด้วย ดังนี้
1. เอกสารหลักฐานของคนพิการ
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้ ของผู้จดทะเบียนแทน พร้อมทั้งต้นฉบับตัวจริง
3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้จดทะเบียนแทน พร้อมต้นฉบับตัวจริง
4. ใบมอบอำนาจจากคนพิการหรือหนังสือรับรองจากทางราชการ
5. คำสั่งศาลในกรณีที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือการจัดตั้งผู้ปกครอง กรณีผู้เูยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง
การจ่ายเงินสนับสนุนการจัดการสงเคราะห์ในการจัดการศพ
ตามประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริมและการสนับสนนุ การสงเคราะห์
ในการจัดการศพตามประเพณี พ.ศ.2553 โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. ผู้สูงอายุที่ตายจะต้องมีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
2. ผู้ยื่นคำขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพต้องยื่นคำขอภายในกำหนด30 วัน นับแต่วันออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังนี้
2.1 ใบมรณบัตรผู้สูงอายุ พร้อมสำเนา
2.2 บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ พร้อมสำเนา
2.3 หนังสือรับรองว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งรับรองโดยบุคคลที่มีอายุเกินกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และมีสัญชาติไทย ที่รู้เห็น
การจัดการศพผู้สูงอายุรายนี้
2.4 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับรอง