#คลองสามวา >>> เหตุเพลิงไหม้หญ้า ลักลอบเผา พื้นที่รกร้าง เรียกเจ้าของที่ ดำเนินการตามกฎหมาย ปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ ให้เรียบร้อย

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
image

#คลองสามวา >>> เหตุเพลิงไหม้หญ้า ลักลอบเผา พื้นที่รกร้าง เรียกเจ้าของที่ ดำเนินการตามกฎหมาย ปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ ให้เรียบร้อย

(6 พ.ค.67) เวลา 17.30 น. นายสมหวัง ชัยประกายวรรณ์ ผู้อำนวยการเขตคลองสามวา ลงพื้นที่ติดตามเหตุกรณีเพลิงไหม้หญ้า วัชพืช พื้นที่รกร้าง บริเวณภายในซอยประชาร่วมใจ 49 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

โดยทางเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน เจ้าหน้าที่ อปพร.เขตคลองสามวา เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ตรวจสอบพื้นที่ และได้เชิญเจ้าของที่ให้ถ้อยคำที่ สน.ท้องที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่เอกชน สภาพรกร้าง มีวัชพืชปกคลุมสูง มีการลักลอบเผา สร้างผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชน ด้านสิ่งแวดล้อม ฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ทั้งนี้ ทางสำนักงานเขตคลองสามวา โดยฝ่ายรายได้ และฝ่ายเทศกิจ ได้ประสานเจ้าของที่ เพื่อเข้าให้ข้อมูลและให้ดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาพื้นที่ พร้อมกำจัดวัชพืช ทำแนวกันไฟ รวมถึงการจัดทำแนวรั้วปิดกั้นรอบพื้นที่ให้มิดชิด เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งซ้ำ และป้องกันการลักลอบเผาขยะ เศษวัสดุต่างๆ 

สำหรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดิน ปล่อยปละละเลยให้ต้นไม้ หรือธัญพืชที่ตนปลูกไว้หรือที่ขึ้นเองในที่ดินของตนให้เหี่ยวแห้งหรือมีสภาพรกรุงรัง หรือปล่อยปละละเลยให้มีการทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในบริเวณที่ดินของตน โดยมีสภาพที่ประชาชนอาจเห็นได้จากที่สาธารณะ เจ้าของที่ดินมีความผิด ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

อีกทั้ง สำหรับผู้ที่ลักลอบทิ้งขยะ เศษวัสดุ สิ่งปฏิกูลมูลฝอย เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และสำหรับเจ้าของที่ดิน ที่ปล่อยปละละเลยให้มีสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในที่ดินของตนในสภาพที่ประชาชนอาจเห็นได้จากที่สาธารณะ ก็เข้าข่ายความผิดตามข้างต้นเช่นกัน 

และสำหรับผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตัวเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรืออาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตราอื่นๆ ซึ่งมีโทษที่หนักกว่าต่อไป