ฝุ่น PM 2.5 “หน้ากากอนามัยธรรมดา” ป้องกันไม่ได้
ที่มา : WorkpointNews
มลพิษฝุ่น PM 2.5 ที่พ่นพิษอยู่ในกรุงเทพฯ ขณะนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง หน้ากากอนามัยธรรมดาป้องกันไม่ได้ ต้องใช้หน้ากากชนิด N 95 หรือชนิดที่ระบุว่ากรอง PM 2.5 ได้
หลังจากกรมควบคุมมลพิษได้ตรวจพบฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (8 ก.พ. 61) กรุงเทพฯ ยังมีฝุ่นหนาแน่น ปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 69 – 94 มคก./ลบ.ม. เกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) 5 สถานี ได้แก่ บริเวณเขตบางนา เขตวังทองหลาง ริมถนนอินทรพิทักษ์ ริมถนนพระราม 4 และริมถนนลาดพร้าว โดยปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
กรมควบคุมมลพิษ จึงแนะนำประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หากจำเป็นต้องออกจากอาคารควรใส่หน้ากากอนามัย หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการกำกับดูแลกิจกรรมต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองในพื้นที่ ทั้งการเผา การก่อสร้าง การใช้ยานพาหนะ เพื่อที่จะช่วยลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ลงได้
เราจึงได้เห็นชาวกรุงเทพฯ สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นมลพิษออกมานอกบ้านกันมากขึ้น แต่ทราบหรือไม่ว่า หน้ากากอนามัยธรรมดา ป้องกันเจ้าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่แสนอันตรายนี้ไม่ได้
PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นมลพิษฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ กล่าวคือ เล็กจนเล็ดลอดขนจมูกเข้าสู่ร่างกายได้ และมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของขนาดเม็ดเลือด (5 ไมครอน) ดังนั้น ฝุ่นพิษจึงเข้าสู่เส้นเลือดฝอยและกระจายไปตามอวัยวะได้ โดยฝุ่นมีลักษณะที่ขรุขระคล้ายสำลี เป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก
หลายคนจึงป้องกันด้วยการหา “หน้ากากอนามัย” มาสวมใส่ ทว่าหน้ากากอนามัยธรรมดาทั่วไป ป้องกันได้แค่ฝุ่นละอองขนาดใหญ่เท่านั้น ดังนั้น ก่อนหาผ้าปิดจมูกหรือหน้ากากอนามัยมาใส่ ต้องดูให้แน่ใจว่าผ้าปิดจมูกที่เราใช้นั้น ป้องกันมลพิษที่มีคุณสมบัติอนุภาคขนาดเฉลี่ย 0.3 ไมครอน ได้มากกว่า 95% (มาตรฐาน KN95) หรือที่เขียนระบุว่าสามารถกรอง PM2.5 ได้ (กรองฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้) หรือที่เรียกว่า ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ นั่นเอง
ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ คือ ผ้าปิดจมูกโดยเฉพาะที่ใช้สำหรับป้องกันมลพิษทางอากาศ ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและร่างกายอย่างรุนแรง โดยผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษมีหลายชนิด จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ในที่นี้ขอกล่าวถึงชนิด N95 เนื่องจากหาซื้อได้ไม่ยากและใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ อย่างที่ไม่รู้สึกขัดเขินจนเกินไป
หน้ากาก N95 หรือ ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ เป็นผ้าปิดปาก – ปิดจมูก ที่ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ โดยสามารถกรองอนุภาคขนาด 1 – 5 ไมครอน ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 มีประสิทธิภาพกรองเชื้อโรคขนาด 0.3 ไมครอน ได้ 95% แต่เชื้อแบคทีเรียและไวรัสส่วนมากจะผ่านเข้าไปได้ เพราะเชื้อส่วนมากมีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน แต่ในกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ใช้หน้ากาก N95 ป้องกันได้
การปฏิบัติเมื่อใช้ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ
1. เปลี่ยนผ้าปิดปาก ปิดจมูกใหม่ทันที เมื่อมีรอยเปื้อนต่างๆ หรือชื้นแฉะ
2. ให้ใช้เฉพาะบุคคล ไม่ใช้ร่วมกับคนอื่น
3. ผ้าปิดจมูกที่เคยใช้ หากต้องการเก็บไว้ใช้ใหม่ ให้พิจารณาว่ามีการเปื้อนมากน้อยเพียงใด ทำความสะอาดได้หรือไม่ โดยเฉพาะด้านที่สัมผัสกับอากาศภายนอก รวมทั้งไม่หัก/พับ/งอ เนื่องจากทำให้เสียรูปทรง และเกิดรอยยับ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองเชื้อโรคลดลง
4. ล้างมือก่อนการสวมใส่ และหลังการถอดออกทุกครั้ง
5. การไอ จาม หรือพูดคุยขณะสวมใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ อาจทำให้อากาศภายนอกรั่วเข้าไปได้
6. การสวมใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูกชนิดกรองพิเศษที่ไม่กระชับแนบสนิท มีผลต่อประสิทธิภาพของการกรองเชื้อโรค
เมื่อมลพิษยังไม่หายไป “การสวมหน้ากาก N95” ก่อนออกจากบ้าน คือหนทางหนึ่งที่ช่วยป้องกันได้ อย่างน้อย…ก็ระหว่างรอให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังกันเสียที