ทั้งนี้ คุณสมบัติผู้ลงทะเบียน จะต้องมีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ว่างงานหรือมีรายได้ในปี 2559 ไม่เกิน 1 แสนบาท ไม่มีหรือมีเงินฝากธนาคาร สลากออมสิน สลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1 แสนบาท รวมถึงไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ เกิน 25 ตารางวา หรือห้องชุดเกิน 35 ตารางเมตร ขณะเดียวกันต้องไม่มีที่ดินเพื่อการเกษตรเกิน 10 ไร่ หรือใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ต้องไม่เกิน 1 ไร่ เป็นต้น

“ผู้ลงทะเบียนควรศึกษาแบบฟอร์มให้เข้าใจ และเตรียมเอกสารหลักฐานที่จำเป็นให้พร้อม เช่น บัตรประจำตัวประชาชน เลขบัตรประจำตัวประชาชนของบิดา มารดา และบุตร สมุดเงินฝาก ทะเบียนผู้พิการ เป็นต้น และต้องสำรวจว่าตนเองมีรายได้ เงินฝาก และหนี้สินจำนวนเท่าใด จากนั้นให้กรอกแบบฟอร์มให้ครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องตามความเป็นจริง” นายเชาวฤทธิ์ กล่าว

สำหรับผู้ลงทะเบียนจะต้องมาลงทะเบียนด้วยตนเอง โดยการยื่นแบบฟอร์มที่กรอกครบถ้วนพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารอื่นๆ ที่จำเป็น จากนั้นเจ้าหน้าที่จะกรอกข้อมูลของผู้ที่มาลงทะเบียนเข้าระบบ และหลังการลงทะเบียนเสร็จแล้ว ผู้ลงทะเบียนต้องรับเอกสารหลักฐาน (ส่วนท้ายของแบบฟอร์ม) กลับไป เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์ สำหรับกรณีผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางมาด้วยตนเองได้ ต้องมีใบมอบอำนาจมาแสดงในวันลงทะเบียนด้วย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ชั้น 3 โทร 02-513-9954 ในวันและเวลาราชการ

ประชาสัมพันธ์ สำนักงานเขตจตุจักร รายงาน