กระเพรา...สมุนไพรใกล้ตัวกับประโยชน์ดีดี

เมื่อนึกถึงเมนูยอดนิยมของคนไทย ก็มีเมนู เช่น ผัดกะเพราต้องอยู่ในใจของหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน ถึงขั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูสิ้นคิด รู้ไหม กะเพรา เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย และยังสามารถทำสารพัดเมนูทั้งต้ม ผัด แกง ทอด แต่ด้วยความที่กะเพรามีกลิ่นเฉพาะตัว บางคนจึงอาจไม่ชอบ และมักอาจจะเขี่ยทิ้งไว้ข้างจานอยู่บ่อย ๆ วันนี้จะพาไปทำความรู้จัก กะเพรา ให้มากขึ้น ว่ามีมีประโยชน์มากกว่าที่พวกเราคิด

1. กะเพรา มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ แก้อาการปวดมวนท้อง ช่วยขับลม เพื่อรักษาอาการปวดท้องอุจจาระ และจุกเสียดแน่นท้อง ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้ด้วย

2. กะเพรา มีสรรพคุณช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น จึงป้องกันอาการเจ็บป่วยจากอาการหวัดได้ดี หากใครที่มักป่วยเป็นหวัดบ่อย ๆ ก็ลองกินกะเพราเป็นประจำจะช่วยได้

3. กะเพรา สามารถช่วยยับยั้งการอักเสบได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในกะเพรานั้นมีสารระเหยสำคัญที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบได้ ซึ่งให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับยาแอสไพรินที่ลดอาการอักเสบ

4. กะเพรา ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการทำให้ร่างกายเกิดโรคต่าง ๆ ได้

5. กะเพรา มีสรรพคุณในการช่วยลดระดับของไขมัน และปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย ทำให้ระดับของน้ำตาลลดลง ช่วยรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน แถมยังมีประสิทธิภาพในการช่วยเพิ่มไขมันดีในร่างกายด้วย

6. กะเพรา มีคุณสมบัติช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร อันเนื่องจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือเป็นเพราะความเครียด โดยกะเพราจะลดการเกิดกรด แล้วเพิ่มการหลั่งสารเยื่อเมือกในกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยสมานแผลและป้องกันไม่ให้เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลายได้

7. กะเพรา มีสรรพคุณเป็นยาช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจที่ไม่แข็งแรงสามารถกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดโอกาสที่จะเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจ และมีอัตราการเต้นอยู่ในระดับปกติด้วย

8. กะเพรา มีส่วนสำคัญในการช่วยขยายหลอดเลือด จึงสามารถลดความดันเลือดได้ ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด เพิ่มเวลาในการแข็งตัวของเลือด

9. กะเพรา มีประโยชน์ต่อตับ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดสารพิษของตับได้เป็นอย่างดี ช่วยลดการตกค้างของสารพิษที่อาจสะสมอยู่ในร่างกาย

10. กะเพรา มีสารที่เป็นน้ำมันหอมระเหยชื่อว่า ยูจีนอล, แกมมาคาร์โยฟิลีน และเมทิลยูจินอล ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการเกิดเชื้อสิว ที่ปัจจุบันมีการทดลองพัฒนา เพื่อนำสารสกัดไปใช้ช่วยรักษาสิวได้

ขอบคุณที่มา : กระทรวงสาธารณสุข