คำถามเกี่ยวกับงานทะเบียน เว็บไซต์กรมการปกครอง
เจ้าบ้าน คือใคร จำเป็นต้องมีเจ้าบ้านหรือไม่ในบ้านแต่ละหลัง
พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร ให้ความหมายของคำว่า "เจ้าบ้าน" ไว้ดังนี้ "เจ้าบ้าน" หมายความว่า ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครองบ้าน ในฐานะของผู้เช่า หรือในฐานะอื่นใดก็ตาม ในกรณีที่ไม่ปรากฏเจ้าบ้าน หรือเจ้าบ้านไม่อยู่ ตาย สูญหาย หรือไม่สามารถปฏิบัติกิจการได้ ให้ถือว่าผู้ดูแลหรือผู้อยู่ในบ้านขณะนั้นเป็นเจ้าบ้าน จากความหมายของคำว่าเจ้าบ้านดังกล่าว มีประเด็นพิจารณาได้ ดังนี้                                                                                
       1.ในเรื่องการครอบครองบ้าน กฏหมายได้ให้ความหมายว่า เจ้าบ้านจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครองบ้าน แต่ในการครอบครองบ้านนั้นอาจจะครอบครองได้หลายฐานะกล่าวคือ                                  
          1.1 ครอบครองในฐานะเจ้าของ หมายถึง การเป็นเจ้าของบ้านกล่าวคือ ผู้ใดเป็นเจ้าของบ้านผู้นั้นก็อยู่ในฐานะการเป็นเจ้าบ้านด้วย 
          1.2 ครอบครองในฐานะผู้เช่า หมายถึง การที่เจ้าของบ้านให้บุคคลอื่นเช่าบ้านของตนในลักษณะที่ผู้เช่าก็อยู่ในฐานะของการเป็นเจ้าบ้าน ซึ่งในกรณีเช่นนี้เจ้าของบ้านตามข้อ 1.1 ก็จะพ้นจากการเป็นเจ้าบ้าน
          1.3 ครอบครองในฐานะอื่นๆ หมายถึง การครอบครองโดยมิใช่ในฐานะเจ้าของหรือในฐานะ ผู้เช่า เช่น การครอบครองในฐานะผู้บังคับบัญชาหน่วยงานราชการ ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หรือผู้บัญชาการเรือนจำ เป็นต้น 
       2.เรื่องการปฏิบัติในหน้าที่ของเจ้าบ้าน โดยที่กฎหมายกำหนดให้บ้านแต่ละหลังจะต้องมีเจ้าบ้านอยู่ตลอดเวลา เจ้าบ้านต้องทำหน้าที่ในการแจ้งเกี่ยวกับงานทะเบียนราษฎร เช่น การแจ้งการเกิด การแจ้งการตาย การแจ้งการย้ายที่อยู่ หรือการแจ้งเกี่ยวกับบ้าน เป็นต้น ดังนั้น ถ้าบ้านใด    
          2.1 ไม่ปรากฎเจ้าบ้าน                                                                                                     
          2.2 เจ้าบ้านไม่อยู่
          2.3 เจ้าบ้านตาย                                                                                                        
          2.4 เจ้าบ้านสูญหาย                                                                                                  
          2.5 เจ้าบ้านไม่สามารถปฏิบัติกิจการได้ให้ถือว่า ผู้ดูแล หรือผู้อยู่ในบ้านในขณะนั้น เป็นเจ้าบ้าน (ผู้อยู่ในบ้านหมายความว่าคนที่อยู่ในบ้านนั้น) สรุปได้ว่าเจ้าบ้านจะเป็นใคร ย่อมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ครอบครองบ้านในขณะนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่ปรากฎชื่อในทะเบียนบ้านและระบุสถานภาพว่าเป็นเจ้าบ้านเพียงคนเดียว โดยวิธีปฏิบัติแล้วก็ให้บันทึกปากคำเป็นหลักฐานไว้ว่าในขณะนั้นว่าใครทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน บุคคลนั้นก็จะมีฐานะเป็นเจ้าของบ้านหากปรากฎในภายหลังว่าเป็นการให้ถ้อยคำของบุคคลดังกล่าวเป็นเท็จก็จะมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญาฐานะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อไป
การขอสัญชาติไทยต้องติดต่อที่ใด
ติดต่อที่สำนักทะเบียนกลาง 02-281-2543 หรือสายด่วนงานทะเบียน 1548
การแจ้งย้ายปลายทาง ต้องมีเอกสารอะไรประกอบบ้าง
บัตรประจำตัวของผู้ประสงค์จะย้ายปลายทาง, - บัตรประจำตัวเจ้าของบ้าน,- สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน,- คำยินยอมขของเจ้าบ้านหรือเป็นหนังสือมอบอำนาจ
กรณีสำเนาทะเบียนบ้านสูญหายหรือถูกทำลาย ต้องดำเนินการอย่างไร
เจ้าบ้านหรือผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าบ้าน โดยมีหนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 10 บาท พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าบ้าน ที่ลงลายมือชื่อรับรองเอกสารถูกต้องแล้ว มายื่นคำร้องต่อสำนักทะเบียนที่ทะเบียนบ้านดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ เพื่อแจ้งเอกสารสูญหาย และรอรับสำเนาทะเบียนบ้านฉบับใหม่ ชำระค่าธรรมเนียม  30 บาท
คนเกิดภายในบ้านทำอย่างไร
เจ้าบ้านหรือบิดา มารดา แจ้งต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดในบ้าน ภายใน 15 วัน
. การขอตรวจ หรือคัดสำเนารายการ หรือคัดและรับรองสำเนาทะเบียนบ้าน ต้องทำอย่างไร
ผู้มีส่วนได้เสียสามารถขอตรวจ หรือคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนาทะเบียนบ้านได้ทุกสำนักทะเบียน ในเวลาราชการ โดยชำระค่าธรรมเนียม 10 บาท
. การขอเลขหมายประจำบ้านต้องทำอย่างไร
บ้านที่ยังไม่มีเลขหมายประจำบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งต่อนายทะเบียน เพื่อขอเลขหมายประจำบ้านภายใน 15 วัน นับแต่วันสร้างบ้านเสร็จ
ถ้าต้องการรื้อถอนบ้านต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
ให้ผู้รื้อแจ้งการรื้อบ้านต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับแต่วันรื้อบ้านเสร็จ
เมื่อผู้อยู่ในบ้านย้ายที่อยู่ออกจากบ้านไปต้องดำเนินการอย่างไร
ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายออกต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ผู้อยู่ในบ้านย้ายออก
เมื่อมีผู้ย้ายที่อยู่เข้าบ้าน จะต้องดำเนินการอย่างไร
ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายเข้าต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ย้ายเข้าอยู่ในบ้าน
การแจ้งย้ายปลายทางต้องดำเนินการอย่างไร
ผู้ย้ายที่อยู่ต้องไปแจ้งต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ไปอยู่ใหม่ภายใน 15 วัน โดยนำสำเนาทะเบียนบ้านและคำยินยอมให้ย้ายเข้าของเจ้าบ้านที่เข้าไปอยู่ใหม่ ไปแสดงต่อนายทะเบียน โดยชำระค่าธรรมเนียม 20 บาท
บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทำไมย้ายที่อยู่บุตรผู้เยาว์ไม่ได้
กรณีจะย้ายที่อยู่บุตรผู้เยาว์ บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือจดทะเบียนรับรองบุตร มารดาเป็นผู้ย้ายเข้าแทนบุตรผู้เยาว์เท่านั้น
กรณีการแก้ไขชื่อตัว – ชื่อสกุล ในทะเบียนบ้านทำไมต้องขีดฆ่าด้วยสีแดง
ตามระเบียบทะเบียนราษฎร การแก้ไขรายการต่าง ๆ ในทะเบียนบ้านต้องขีดฆ่าคำหรือ ข้อความเดิมแล้วเขียนคำหรือหรือข้อมูลที่ถูกต้องแทนด้วยหมึกสีแดง พร้อมทั้งลงชื่อนายทะเบียนและวันเดือนปีกำกับไว้
กรณีเจ้าบ้านแต่งตั้งใหม่ ไม่ถึง 180 วัน ประสงค์ย้ายคนเข้าบ้านกลางทำไมถึงทำไม่ได้
ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 33 เมื่อผู้อยู่ในบ้านใดออกจากบ้านที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไปอยู่ที่อื่นเกิน 180 วัน และเจ้าบ้านไม่ทราบว่าผู้นั้นไปอยู่ที่ใด ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายออกต่อนายทะเบียนภายใน 30 วัน นับแต่วันครบ 180 วัน โดยระบุว่าไม่ทราบที่อยู่และให้นายทะเบียนผู้รับแจ้งเพิ่มชื่อและรายการผู้นั้นในทะเบียนบ้านกลาง
กรณีเกิดภัยพิบัติตามธรรมชาติเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญเสียจำนวนมาก โดยมีทั้งคนไทยและคนต่างด้าวจะมีวิธีการออกหลักฐานการตายอย่างไร
การเสียชีวิตจากเหตุภัยธรรมชาติเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติ ต้องดำเนินการตามมาตรา         25 แห่ง พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 โดยเมื่อนายทะเบียนรับแจ้งการตายแล้วจะต้องรอผลการพิจารณาหรือผลการชันสูตรจากพนักงานสอบสวนก่อนจึงจะออกมรณบัตรให้ได้        แต่การฏิบัติในการรับแจ้งการตายและการออกมรณบัตรจะมีการดำเนินการที่แตกต่างกัน ดังนี้                                                                                                                 
        1.ถ้าพบคนตายและทราบว่าผู้ตายเป็นใครนายทะเบียนสามารถรับแจ้งการตายและออก       มรณบัตรได้โดยถ้าคนตายเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว) จะออกมรณบัตร ท.ร.4 และถ้าคนตายเป็นบุคคลที่ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร ไม่มี      เลขประจำตัว 13 หลัก แต่มีหลักฐานอื่นแสดงว่าเป็นคนไทยก็จะเว้นการลงรายการเลข 13 หลัก 
ในมรณบัตรแต่ถ้าคนตายเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทยโดยถูกต้องตามกฎหมาย (มีหนังสือเดินทาง) หรือเป็นคนต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ (บุคคลประเภท 6) จะออก มรณบัตร ท.ร.5 ถ้าคนตายเป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ที่มีเลข 13 หลัก เป็นบุคคลประเภท 00 จะออกมรณบัตร ท.ร.05 และถ้าคนตายเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตฯหรือเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน จะออกมรณบัตร
ท.ร.051
       2. ถ้าพบคนตายแต่ไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร นายทะเบียนจะรับแจ้งการตายและออกหลักฐานใบรับแจ้งการตายจามแบบ ท.ร.4 ตอนหน้า ให้เป็นหลักฐาน แต่จะไม่ออกมรณบัตร จนกว่าจะทราบว่าผู้ตายเป็นใคร จึงจะออกมรณบัตรให้ 
       3. ถ้าเชื่อว่ามีคนตายแต่ไม่พบศพ นายทะเบียนจะรับแจ้งการตาย และออกหลักฐานใบรับแจ้งการตายตามแบบ ท.ร.4 ตอนหน้า ให้เป็นหลักฐาน แต่จะไม่ออกมรณบัตรจนกว่าจะพบศพของผู้ตายจึงจะออกมรณบัตรให้ อย่างไรก็ดี กรณีนี้นายทะเบียนสามารถใช้เป็นหลักฐาน ท.ร.4 ตอนหน้า จำหน่ายรายการคนตายออกจากทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติได้ (พระราชบัญญัติการทะเบียน ราษฏร พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2551 มาตรา 21 และมาตรา 25 และระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ.2535 ข้อ 61,62,65,66)
กรณีเจ้าบ้านได้ออกใบแจ้งย้ายที่อยู่แล้ว แต่ภายหลังประสงค์เปลี่ยนแปลงบ้านที่จะย้ายเข้าทำได้หรือไม่
ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2535 ข้อ 75  การรับแจ้งย้ายเข้า หากรายการที่อยู่ที่แจ้งย้ายเข้าผิดไปจากที่ระบุไว้ในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ให้นายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่ผู้แจ้งย้ายเข้าไปอยู่ ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริง 
การย้ายเข้าบ้านต้องย้ายเข้าภายในกี่วัน หากเกินกำหนดจะโดนปรับหรือไม่
ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 (รวมฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ. 2562) มาตรา 30 เมื่อมีผู้ย้ายที่อยู่เข้าอยู่ในทะเบียนบ้านให้แจ้งการย้ายเข้าภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ย้ายเข้าอยู่ในบ้าน หากผู้แจ้งย้ายออกด้วยตนเอง (มีใบแจ้งย้ายมา) หรือยังไม่ได้แจ้งย้าย เข้าไปอยู่ในบ้านภายใน 30 วัน นับแต่วันที่แจ้งย้ายที่อยู่ นายทะเบียนผู้รับแจ้งจะเพิ่มชื่อผู้ย้ายไว้ในทะเบียนบ้านกลาง
กรณีสูติบัตร, มรณบัตรสูญหาย ต้องคัดที่ไหน
-กรณีสูติบัตร, มรณบัตรต้องขอคัด ณ สำนักทะเบียนที่ออกใบสูติบัตร
-แต่กรณีสูติบัตร, มรณบัตร ที่ออกโดยระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ขอรับบริการสามารถคัดทะเบียนคนเกิด (ท.ร.1/ก), ทะเบียนคนตาย(ทร.4/ก)
การคัดเอกสารทางทะเบียน นอกจากขอคัดของตนเองแล้ว สามารถคัดของบุคคลอื่นได้หรือไม่
สามารถคัดได้ ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนได้เสียจะขอตรวจ หรือคัดสำเนารายการ หรือให้นายทะเบียนคัดและรับรองได้ที่สำนักทะเบียนในวันเวลาราชการ
ถ้ามีบ้านอยู่หลายหลังในบริเวณเดียวกัน สามารถใช้เลขบ้านเลขเดียวได้หรือไม่
ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534  มาตรา 35  ถ้ามีบ้านอยู่หลายหลังในบริเวณเดียวกัน ให้กำหนดเลขประจำบ้านเพียงเลขเดียว แต่ถ้าเจ้าบ้านประสงค์จะกำหนดเลขประจำบ้านเพิ่มขึ้นอีกให้ยื่นขอต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง บ้านที่ปลูกเป็นตึกแถว ห้องแถว หรืออาคารชุดให้กำหนดเลขประจำบ้านทุกห้องหรือทุกห้องชุด โดยถือว่าห้องเป็นห้องชุดหนึ่ง ๆ เป็นบ้านหลังหนึ่ง
คัดข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร (ท.ร.12) อัตราค่าธรรมเนียมเท่าใด
การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร อัตราค่าธรรมเนียม  20  บาท
คนตายนอกบ้าน ใครเป็นผู้แจ้ง
ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 21 (2) คนตายนอกบ้าน ให้บุคคลที่ไปกับผู้ตายหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีการตายหรือพบศพ แล้วแต่กรณี  หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้  ภายใน  24 ชั่วโมง นับแต่เวลาตาย หรือเวลาพบศพ  กรณีเช่นนี้จะแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจก็ได้
กรณีเด็กเกิดบนรถแท็กซี่ ต้องแจ้งเกิดอย่างไร
กรณีเด็กเกิดบนรถแท็กซี่ ถือว่าคนเกิดนอกบ้าน  ให้บิดาหรือมารดาแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดนอกบ้านหรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิด  ในกรณีจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ตามกำหนดให้แจ้งภายหลังได้แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันเกิด
กรณีพบเด็กถูกทอดทิ้ง ต้องทำอย่างไร
กรณีผู้ใดพบเด็กในสภาพแรกเกิดหรือเด็กไร้เดียงสาซึ่งถูกทอดทิ้งให้นำตัวเด็กไปส่งและแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจหรือเจ้าน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
การรื้อถอนบ้านต้องทำภายในกี่วัน
ผู้ใดรื้อบ้านที่มีเลขประจำบ้านโดยไม่ประสงค์จะปลูกบ้านใหม่ในที่ดินบริเวณนั้นอีกต่อไปหรือรื้อเพื่อไปปลูกสร้างบ้านใหม่ที่อื่น ให้แจ้งการรื้อบ้านต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งภายใน 15 วัน นับแต่รื้อบ้านเสร็จเพื่อจำหน่ายเลขประจำบ้านและทะเบียนบ้าน
การคัดและรับรองสำเนารายทะเบียนราษฎร กรณีใดบ้างที่ยกเว้นไม่ต้องเก็บค่าธรรมเนียม
การขอคัดและรับรองสำเนารายทะเบียนที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับคนสัญชาติไทย เพื่อใช้ในการดังต่อไปนี้
   1 การศึกษาทั่วไป
   2 การศาสนา 
   3 การเข้ารับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
   4 การขอรับการส่งเคราะห์จากทางราชการ
   5 การจัดที่ดินเพื่ออยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยส่วนราชการหรือหน่วยของรัฐ
   6 การปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้น โดยพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา หรือมติคณะรัฐมนตรี
การจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนกรณีบัตรสูญหาย หรือถูกทำลาย จะต้องสอบปากคำเจ้าบ้านหรือบุคคลผู้น่าเชื่อถือทุกครั้งใช่หรือไม่
        ตามหนังสือสั่งการ ที่ มท 0309.2/ว 3476 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2557 ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ คือ การขอมีบัตร
        เนื่องจากบัตรสูญหาย หรือถูกทำลายให้เรียกหลักฐานเอกสารซึ่งมีรูปถ่ายผู้ขอมีบัตร และเป็นเอกสารที่ทางราชการ
        ออกให้ เช่น ใบอนุญาตขับรถ หนังสือเดินทาง เป็นต้น กรณีผู้ขอมีบุตรไม่สามารถแสดงหลักฐานเอกสารที่ทางราชการ
        ออกให้ได้ ให้สอบปากคำเจ้าบ้านหรือบุคคลผู้น่าเชื่อถือทุกครั้งเสมอไป หากผู้ยื่นคำขอสามารถแสดงเอกสารหลักฐาน
        ของทางราชการที่มีรูปถ่าย ประกอบกับพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง ก็ดำเนินการ
        จัดทำบัตรให้กับผู้ขอมีบัตรได้ โดยถือปฏิบัติระเบียบกรมการปกครอง ว่าด้วยการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน
        พ.ศ. 2554 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 11 (7)
การเปลี่ยนบัตรใหม่ในกรณีแยกหมู่บ้าน ตำบล จะต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่
        ถ้าบัตรยังไม่หมดอายุก็ยังคงใช้ได้ต่อไปไม่จำเป็นต้องขอเปลี่ยนบัตร แต่หากจะขอเปลี่ยนบัตร กรณีย้ายที่อยู่ในขณะที่
        บัตรยังไม่หมดอายุ จะต้องเสียค่าธรรมเนียม (กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียม เกี่ยวกับ
        การทำบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2555)
การกรอกข้อมูลเกี่ยวกับบัตรประชาชน พอดีไปเจอพวกแบบฟอร์มสมัครงาน มักชอบให้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับบัตรประชาชน/ใบขับขี่ แล้วเราก็งงกับคำถามพวกนี้ - \ออกบัตรโดย\ - \สถานที่ออกบัตร\ อยากรู้ว่าสองคำถามนี้ต่างกันอย่างไร และควรจะตอบยังไง ก่อนหน้านี้เราเข้าใจว่า \ออ
บัตรประจำตัวประชาชนของคนไทยออกให้โดยกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยสำหรับสถานที่ออกบัตรฯ คือ สำนักทะเบียนที่ออกบัตรให้กับผู้ขอมีบัตร เช่น อำเภอ/สำนักงานเขต/เทศบาล ที่ทำบัตรฯ
วันเสาร์เปิดบริการทำบัตรประชาชนได้หรือไม่?
ฝ่ายทะเบียนเปิดให้บริการทำบัตรประชาชนในวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2424 0056 ต่อ 5660-5663 หรือ 0 2433 0773
การขอมีบัตรใหม่ กรณีขอมีบัตรเป็นครั้งแรก
ผู้ขอมีบัตรครั้งแรก ต้องมีอายุ 7 ปีบริบูรณ์ เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน          โดยยื่นคำร้องได้ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ หลักฐานใช้สูติบัตร
การขอมีบัตรใหม่ กรณีบัตรเดิมหมดอายุ
ผู้ขอมีบัตรยื่นคำร้องภายใน 60 วัน นับแต่วันที่บัตรหมดอายุ เกินกำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท โดยยื่นคำร้องได้ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ หลักฐานใช้บัตรเดิมที่หมดอายุ
การขอมีบัตรใหม่ กรณีบัตรหาย
ผู้ขอมีบัตรยื่นคำร้องภายใน 60 วัน นับแต่วันที่บัตรหาย เกินกำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท โดยยื่นคำร้องได้ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ หลักฐานใช้สำเนาบัตรเดิมที่ทำหาย หรือหลักฐานทางราชการที่มีรูปถ่าย เช่น ใบขับขี่ วุฒิการศึกษา หนังสือเดินทาง เป็นต้น
การทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรกอายุเท่าใด
ตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5 ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุตั้งแต่เจ็ดปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรตามที่กำหนด
ทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรกใช้หลักฐานใดบ้าง
สูติบัตร, ทะเบียนบ้าน, ใบเปลี่ยนชื่อตัว–ชื่อสกุล ของตนเอง บิดา มารดา(ถ้ามี) หลักฐาน
อื่น ๆ เช่น วุฒิการศึกษา
เสียค่าธรรมเนียมบัตรประจำตัวประชาชนหายเท่าไหร่
ค่าธรรมเนียมบัตรประจำตัวประชาชนหาย  100 บาท (ตามประกาศกฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน   พ.ศ. 2559)
การทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรกสำหรับ เด็กอายุ 7 ปีบริบูรณ์ เริ่มปี พ.ศ. ใด
ทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรกสำหรับเด็กอายุ 7 ปีบริบูรณ์ เริ่มปี พ.ศ. 2554
การทำบัตรประจำตัวประชาชนเปิดให้บริการวัน และเวลาใดบ้าง
- การทำบัตรประจำตัวประชาชนเปิดให้บริการทุกวันจันทร์–วันเสาร์ เวลา 08.00–16.00 น.   
- หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ทำบัตรประจำตัวประชาชนกรณีหมดอายุ ต้องทำภายในกี่วัน
การทำบัตรประจำตัวประชาชนกรณีหมดอายุ สามารถดำเนินการขอทำบัตรหมดอายุ โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่บัตรเดิมหมดอายุ  หรือจะขอมีบัตรใหม่ก่อนวันที่บัตรเดิมหมดอายุก็ได้  โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 60 วัน ก่อนวันที่บัตรเดิมหมดอายุ
บัตรประจำตัวประชาชนมีอายุกี่ปี
บัตรประจำตัวประชาชนมีอายุ  8  ปี นับจากวันที่ทำบัตร
การขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ มีกรณีใดบ้าง
การขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ กรณีบัตรหายหรือถูกทำลาย
กรณีคู่สมรสขอจดทะเบียนสมรสกับคู่สมรสเดิม ในการปฏิบัติที่ถูกต้องควรเรียกเก็บทะเบียนหย่าคืนทั้งสองฉบับหรือไม่
กรณีจดทะเบียนสมรส นายทะเบียนเรียกหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ร้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2541 ข้อ 8 ข้อ 13 และเพื่อมิให้ประชาชนเกิดความสับสนในการใช้เอกสาร
ทางราชการ หรือเพื่อมิให้ใช้เอกสารในทางทุจริต ควรเรียกเก็บเอกสารการหย่าคืน
การจดทะเบียนครอบครัวทุกประเภทต้องมีพยานบุคคลหรือไม่
การจดทะเบียนครอบครัวทุกประเภทต้องนำพยานบุคคล ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว (อายุ 20 ปี บริบูรณ์) มาด้วย
จำนวน 2 คน ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 วรรคสอง “เมื่อนายทะเบียนรับ
จดทะเบียน ผู้ร้องต้องลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญในทะเบียนต่อหน้านายทะเบียน และต่อหน้าพยานสองคน”
เมื่อจดทะเบียนการหย่าแล้ว ฝ่ายหญิงยังสามารถใช้นามสกุลของฝ่ายชายได้หรือไม่
เมื่อจดทะเบียนการหย่าแล้ว ฝ่ายหญิงไม่สามารถใช้นามสกุลของฝ่ายชายได้ เนื่องจากการสมรสได้สิ้นสุดลงแล้ว
เป็นไปตาม มาตรา 13 พระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 รวมทั้งฉบับแก้ไข (1) “เมื่อการสิ้นสุดลงด้วยการหย่าหรือ
ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายซึ่งใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน (2)เมื่อ
การสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย ให้ฝ่ายซึ่งยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้นได้ต่อไป
แต่เมื่อจะสมรสใหม่ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน”
การจดทะเบียนสมรสต้องทำอย่างไร
คู่สมรสยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ หลักฐานที่ใช้ สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน หากคู่สมรสเคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน ใช้หลักฐานใบสำคัญการหย่ามาแสดงด้วย พยาน 2 คน
การจดทะเบียนหย่าต้องทำอย่างไร
คู่หย่ายื่นคำร้องขอจดทะเบียนหย่าที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ หลักฐานที่ใช้ สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญการสมรส หนังสือข้อตกลงการหย่า พยาน 2 คน
กรณีบุคคลสัญชาติไทยจดทะเบียนสมรสที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศแล้วต้องมาจดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานเขต/อำเภอ อีกหรือไม่
กรณีบุคคลสัญชาติไทยจดทะเบียนสมรสที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศแล้ว ไม่ต้องจดทะเบียนสมรสที่ประเทศไทยอีก เนื่องจากการจดทะเบียนสมรส ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศถือว่าเป็นการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยแล้ว แต่แบบฟอร์ม ณ สถานเอกอัครราชทูต และสำนักทะเบียนในประเทศไทยจะแตกต่างกัน 
           กรณีคู่สมรสคนไทย มีข้อตกลงใช้ชื่อสกุลใน คร.2  เรียบร้อยแล้ว  ก็สามารถดำเนินการเปลี่ยนคำนำหน้านาม และเปลี่ยนชื่อสกุลไปใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ โดยออกหลักฐานการเปลี่ยนชื่อสกุล (ช.5) และดำเนินการแก้ไขรายการในทะเบียนบ้านและทำบัตรประจำตัวประชาชน
บุคคลสัญชาติไทยจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายต่างประเทศ (หน่วยงานที่ต่างประเทศ) ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปที่ประเทศไทย
กรณีบุคคลสัญชาติไทยจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายต่างประเทศ บุคคลสัญชาติไทยต้องนำเอกสารการสมรส(ใบสำคัญการสมรส,ทะเบียนสมรส)แปลเป็นภาษาไทย  เช่น จดทะเบียนสมรสประเทศเยอรมันนี ลำดับแรก ให้นำทะเบียนสมรสไปติดต่อที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย เพื่อรับรองเอกสาร/แปล จากนั้นนำเอกสารที่ได้รับการรับรองการแปลเป็นภาษาไทย รับรองนิติกรที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และมาติดต่อที่สำนักงานเขต/อำเภอแห่งใด  ก็ได้ เพื่อยื่นขอบันทึกฐานะแห่งครอบครัว (คร.22) เพื่อให้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายไทย โดยไม่ต้องมาจดทะเบียนสมรสที่ประเทศไทยอีก
กรณีบิดาประสงค์จะจดทะเบียนรับรองบุตร แต่บุตรยังเป็นบุตรผู้เยาว์และมารดาของบุตรเสียชีวิต มีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
การที่บิดาร้องขอจดทะเบียนรับรองให้บุตรเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย  บิดา มารดาและบุตร ต้องมาพร้อมกันทั้ง 3  ฝ่าย  โดยกรณีหากบุตรผู้เยาว์ยังไม่รู้เดียงสา (อายุประมาณแรกเกิด – 7 ปี)  บิดาต้องนำคำสั่งหรือคำพิพากษาศาล และใบสำคัญแสดงคดีถึงที่สุดมาให้ความยินยอมแทนบุตรผู้เยาว์  และมารดาของบุตรผู้เยาว์ด้วย
ประสงค์จะรับบุตรบุญธรรม มีแนวทางปฏิบัติอย่างไรบ้าง
กรณีประสงค์จะจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ (อายุตั้งแต่แรกเกิด แต่ยังไม่ถึง  20 ปีบริบูรณ์)  ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องติดต่อที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (บ้านราชวิถี กรณีผู้รับบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ/กรณีอยู่ต่างจังหวัด ติดต่อศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมประจำจังหวัด) เพื่อขอหนังสืออนุญาตให้รับบุตรบุญธรรมได้ก่อน แล้วจึงมาดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่สำนักงานเขต/อำเภอแห่งใดก็ได้ (กรณีผู้เยาว์อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ผู้เยาว์ต้องมาลงลายมือชื่อ ณ สำนักงานเขตด้วย)  ผู้รับบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส  คู่สมรสต้องมาให้ความยินยอมด้วย
        กรณีบุตรบุญธรรมบรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูรณ์) ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมสามารถมาดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมได้ ที่สำนักงานเขต/อำเภอแห่งใดก็ได้ หากผู้รับบุตร บุญธรรมและบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส คู่สมรสต้องมาให้ความยินยอมด้วย
กรณีจดทะเบียนสมรสไว้เป็นเวลานาน แต่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งติดตามตัวไม่ได้ และประสงค์จะจดทะเบียนหย่า จะต้องทำอย่างไร
กรณีจดทะเบียนสมรสไว้เป็นเวลานาน ยังไม่สามารถมาดำเนินการหย่าที่สำนักงานเขตได้ต้องนำคำพิพากษาศาลและใบสำคัญแสดงว่าคดีถึงที่สุด มาติดต่อที่สำนักงานเขต/อำเภอ เพื่อขอหย่าฝ่ายเดียว (โดยคำสั่งศาล)
กรณีจดทะเบียนหย่าแล้ว แต่คู่สมรสฝ่ายหญิงยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อสกุลกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิม และประสงค์จะจดทะเบียนสมรสกับคู่สมรสเดิม จดทะเบียนสมรสได้เลยหรือไม่
กรณีคู่สมรสเคยจดทะเบียนสมรส และจดทะเบียนหย่าแล้ว คู่สมรสฝ่ายหญิงยังใช้ชื่อสกุล       คู่สมรสฝ่ายชายอยู่ ต้องกลับไปใช้ชื่อสกุลของตนเองก่อน จึงจะสามารถจดทะเบียนสมรสใหม่ได้
กรณีฝ่ายหญิงเคยจดทะเบียนหย่ามาแล้ว และประสงค์จะจดทะเบียนสมรสใหม่ได้เลยหรือไม่
กรณีคู่สมรสฝ่ายหญิงเคยจดทะเบียนหย่ามาแล้ว  หากประสงค์จะจดทะเบียนสมรสใหม่กับ      คู่สมรสเดิมสามารถจดได้เลย หากกรณีจดทะเบียนสมรสคู่สมรสคนใหม่ ต้องให้ผ่านพ้นเป็นระยะเวลา  310 วัน ก่อน หรือกรณีประสงค์จะจดทะเบียนสมรสก่อน 310 วัน คู่สมรสฝ่ายหญิงต้องนำใบรับรองแพทย์  โดยให้แพทย์ระบุว่า : ไม่พบสภาวะการตั้งครรภ์  จึงจะสามารถดำเนินการจดทะเบียนสมรสได้
กรณีบุตรผู้เยาว์ประสงค์จดทะเบียนสมรส ต้องดำเนินการอย่างไร
- กรณีบุตรผู้เยาว์ (อายุ 17 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์) ประสงค์จดทะเบียนสมรส บิดามารดา บิดาหรือมารดาต้องมาให้ความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียน ณ สำนักงานเขต/อำเภอ แห่งใดก็ได้
- กรณีบุตรผู้เยาว์อายุน้อยกว่า 17 ปีบริบูรณ์ ต้องร้องขอต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จดทะเบียนสมรส  และนำคำสั่งศาลมาติดต่อ ณ สำนักงานเขต/อำเภอ แห่งใด ก็ได้ เพื่อจดทะเบียนสมรสต่อไป
กรณีจดทะเบียนสมรสไว้ ณ สำนักงานเขตบางกอกน้อย ประสงค์จะจดทะเบียนหย่า ณ สำนักทะเบียนแห่งอื่นได้หรือไม่
ร้องประสงค์จดทะเบียนหย่า ณ สำนักทะเบียนแห่งอื่น ได้ทุกสำนักทะเบียน
กรณีจดทะเบียนสมรสจากสำนักทะเบียน ณ ต่างประเทศ/ตามกฎหมายต่างประเทศ และ ได้มาดำเนินการจดทะเบียนฐานะแห่งครอบครัวที่ประเทศไทยแล้ว หากประสงค์จะจดทะเบียนหย่า ณ สำนักทะเบียนที่ประเทศไทยได้หรือไม่
กรณีผู้ร้องได้ดำเนินการจดทะเบียนสมรส ณ ต่างประเทศ และมาดำเนินการจดทะเบียนฐานะแห่งครอบครัวแล้ว ผู้ร้องสามารถมาจดทะเบียนหย่า ณ สำนักทะเบียนที่ประเทศไทยได้
กรณีจดทะเบียนสมรสไว้ ณ สำนักงานทะเบียนในประเทศไทย หากประสงค์จะจดทะเบียนหย่าโดยความยินยอม คู่สมรสฝ่ายหนึ่งอยู่ต่างประเทศ จะหย่าได้หรือไม่
กรณีผู้ร้องได้จดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนในประเทศไทย ประสงค์จะจดทะเบียนหย่า แต่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งอยู่ต่างประเทศ ก็สามารถทำได้ โดยใช้วิธีหย่าต่างสำนักทะเบียน
กรณีประสงค์เปลี่ยนชื่อตัว – สกุล สามารถเปลี่ยนข้ามเขตได้หรือไม่
กรณีบุคคลประสงค์เปลี่ยนชื่อตัว – สกุล  ต้องไปติดต่อขอเปลี่ยนตามภูมิลำเนา ตามทะเบียนบ้านที่บุคคลผู้นั้นมีชื่ออยู่เท่านั้น
กรณีประสงค์จะตั้งชื่อสกุล (ช.2) หรือร่วมชื่อสกุล (ช.4) ใหม่ แต่มีประวัติเดิมของการตั้ง ชื่อสกุล หรือร่วมชื่อสกุลกับบุคคลอื่น มีแนวทางปฎิบัติอย่างไร
กรณีบุคคลประสงค์จะตั้งชื่อสกุล หรือร่วมชื่อสกุลใหม่  แต่มีประวัติเดิมของการตั้งชื่อสกุล หรือร่วมชื่อสกุลกับบุคคลอื่นอยู่บุคคลนั้นจะต้องนำ ช.2, ช.4 แล้วแต่กรณีเดิมมายกเลิก จึงจะตั้งชื่อสกุลใหม่ หรือร่วมชื่อสกุลใหม่ได้
กรณีหญิงจดทะเบียนสมรส สามีเสียชีวิต หากประสงค์กลับมาใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเองก่อนสมรสแล้ว ภายหลังจะกลับมาใช้ชื่อสกุลของสามีได้อีกหรือไม่
กรณีหญิงจดทะเบียนสมรส สามีเสียชีวิต หญิงนั้นสามารถยังใช้ชื่อสกุลของสามีต่อไปได้ หากแต่ประสงค์กลับมาใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเองก่อนสมรสก็สามารถทำได้ โดยจะได้รับหลักฐานการเปลี่ยนชื่อสกุล (ช.5) และหากภายหลังประสงค์ขอกลับมาใช้ชื่อสกุลสามีไม่อาจทำได้
กรณีหญิงจดทะเบียนสมรส สามีเสียชีวิต แต่ยังไม่ได้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมก่อนสมรส แต่ประสงค์จดทะเบียนสมรสใหม่ สามารถทำได้หรือไม่
กรณีหญิงจดทะเบียนสมรส สามีเสียชีวิต แต่ยังไม่ได้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมก่อนสมรส ต้องกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตนก่อน จึงจะสามารถจดทะเบียนสมรสกับคู่สมรสใหม่ได้
กรณีหญิงจดทะเบียนสมรส สามีเสียชีวิต และประสงค์จะตั้งชื่อสกุลใหม่ หรือร่วมชื่อสกุลใหม่ จะต้องปฏิบัติอย่างไร
กรณีหญิงจดทะเบียนสมรส สามีเสียชีวิต และประสงค์จะตั้งชื่อสกุลใหม่ หรือร่วมชื่อสกุลใหม่  จะต้องกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตนก่อน จึงจะสามารถดำเนินการจัดตั้งชื่อสกุล (ช.2) หรือร่วมชื่อสกุล (ช.4) ได้
กรณีประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว – สกุล บุตรผู้เยาว์ บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสบุคคลใดเป็นผู้ดำเนินการแทนบุตรผู้เยาว์
กรณีประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว – สกุล บุตรผู้เยาว์ บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือบิดาไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร มารดาเป็นผู้ดำเนินการแทนบุตรผู้เยาว์
กรณีประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว – สกุล บุตรผู้เยาว์ บิดามารดาจดทะเบียนหย่าบุคคลใดเป็นผู้ดำเนินการแทนบุตรผู้เยาว์
กรณีประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว – สกุล บุตรผู้เยาว์  บิดามารดาจดทะเบียนหย่าต้องดูอำนาจปกครองว่าบุตรผู้เยาว์อยู่ในอำนาจการปกครองของบุคคลใด บุคคลนั้นเป็น ผู้ดำเนินการเปลี่ยน
กรณีเกิดในต่างประเทศได้แจ้งเกิดที่สถานทูตแล้ว และมารดาคนไทย บิดาต่างชาติ แต่ตั้งชื่อเด็กเป็นชื่อและชื่อรอง เรียกคำภาษาอังกฤษ กรณีนี้เพิ่มชื่อได้หรือไม่
        สามารถขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านได้ โดยนำหลักฐานสำเนา ทะเบียนบ้าน (ทร.14) ของบ้านที่จะขอเพิ่มชื่อ
        บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้อง หลักฐานการเกิดของผู้ขอเพิ่มชื่อ ได้แก่ สูติบัตรที่ออกโดยสถานทูตไทย หรือ
        สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ หรือหลักฐานการเกิดที่ออกโดยหน่วยงานของประเทศที่บุคคลนั้นเกิด ซึ่งได้แปลและ
        รับรองความถูกต้องโดยประทรวงการต่างประเทศ หนังสือเดินทางของผู้ขอเพิ่มชื่อและพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ
        ซึ่งสามารถรับรอง และยืนยันตัวบุคคลได้
กรณีเจ้าของชื่อสกุล มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้านที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย และประสงค์จะให้บุคคลอื่นร่วมชื่อสกุลของตน มีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
กรณีเจ้าของชื่อสกุล มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้านที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย และประสงค์จะให้บุคคลอื่นร่วมชื่อสกุลของตน เจ้าของชื่อสกุลต้องมาติดต่อที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย เพื่อขอออกหนังสืออนุญาตให้ร่วมชื่อสกุล (ช.6)  และมอบ ช.6 ให้แก่บุคคลนั้นไปออกทะเบียนร่วมชื่อสกุล (ช.4) ตามภูมิลำเนาของผู้จะร่วมใช้ตามทะเบียนบ้าน
การติดต่อขอหนังสือรับรองบุคคล ติดต่อได้ที่ฝ่ายใด?
สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายปกครอง วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 - 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2424 6847 หรือ 0 2424 0056 ต่อ5656-5659
เดิมเจ้าของชื่อสกุลได้ออกหลักฐานทะเบียนตั้งชื่อสกุล (ช.2) หรือทะเบียนร่วมชื่อสกุล (ช.4) ไว้ ณ สำนักงานเขตบางกอกน้อย แต่ปัจจุบันมีภูมิลำเนาอยู่อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี และเอกสารสำคัญ ช.2, ช.4 สูญหาย ต้องออกเอกสารที่ใด
จะต้องออกเอกสารใบแทน ช.2, ช.4  ณ  อำเภอเมืองเพชรบุรี  จังหวัดเพชรบุรี ตามภูมิลำเนาทะเบียนบ้านในปัจจุบัน
กรณีเจ้าของชื่อสกุลเสียชีวิต บุคคลอื่นสามารถร่วมใช้ชื่อสกุลได้หรือไม่
กรณีเจ้าของชื่อสกุลเสียชีวิต หรือศาลมีคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้สาบสูญ ผู้สืบสันดานของผู้จดทะเบียนตั้งชื่อสกุลในดับที่ใกล้ชิดที่สุดซึ่งยังมีชีวิตอยู่ (ลำดับชั้นลูก หลาน เหลน ลื่อที่ยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลนั้นอยู่) และใช้ชื่อสกุลนั้น สามารถอนุญาตให้ผู้มีสัญชาติไทย บุคคลอื่นร่วมใช้ชื่อสกุลดังกล่าวได้
กรณีคู่สมรสจดทะเบียนสมรส คู่สมรสฝ่ายหญิงประสงค์ใช้ชื่อสกุลคู่สมรสฝ่ายชาย และจะนำชื่อสกุลของตนเองเป็นชื่อรองได้หรือไม่
คู่สมรสฝ่ายหญิงจดทะเบียนสมรส ประสงค์ใช้ชื่อสกุลคู่สมรสฝ่ายชาย และประสงค์ใช้ชื่อสกุลของตนเองเป็นชื่อรองสามารถทำได้
Page 1 of 1