(14 ม.ค. 66) สำนักการโยธา กทม. ขออัพเดทความคืบหน้าให้ประชาชนทราบ เกี่ยวกับงานจัดซ่อมไฟฟ้าเสาประติมากรรม(เสาเขียว) รวมถึงโครงการเปลี่ยนซ่อมหลอดไฟฟ้าในถนนกว่า 25,000 ดวงเป็นระบบ Smart lighting  ซึ่งปัจจุบันสำนักการโยธา ได้เร่งเข้าดำเนินการจัดซ่อมเสาไฟฟ้าประติมากรรมฯ และระบบสายไฟฟ้าส่องสว่างทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร เช่น บริเวณ ถนนเทอดไท ถนนอินทรพิทักษ์ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ถนนมหาราช ถนนหน้าพระลาน ถนนราชณดำเนินใน และถนนสุขุมวิท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม นี้ 

     สำหรับนโยบายกรุงเทพต้องสว่าง สำนักการโยธา เดินหน้าโครงการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าจากเดิมระบบ hps (Highpressure sodium) เป็นระบบหลอด LED (Light Emitting Diode) ซึ่งในเฟสแรก จะดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมด จำนวน 25,000 ดวง โดยจะแยกการดำเนินการติดตั้งในถนนสายหลักเพื่อเป็นการนำร่องก่อนในช่วงเริ่มต้นโครงการฯ จำนวน 5,000 ดวง พร้อมทั้งจะเพิ่มระบบติดตามการทำงานของโคมไฟฟ้า (IOT) ใน 13 เส้นทาง ได้แก่ 1. ถนนสีลม 2.ถนนเพลินจิต 3.ถนนเยาวราช 4.ถนนโชคชัย 4 5.ซอยมหาดไทย 6.ถนนเอกมัย 7.ถนนพระรามที่ 4 (ช่วงหัวลำโพงถึงสวนลุมพินี) 8.ถนนพระรามที่ 4 (จากซอยอรรถกวี ถึง ถนนสุขุมวิท) 9.ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 10.ถนนราชปรารถ 11.ถนนเทศบาลสงเคราะห์ 12.ถนนเสนานิคม  และ 13.ถนนราชดำริ และได้ลงนามสัญญาไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา ปัจจุบันผู้รับจ้างโครงการฯ ได้เข้าสำรวจพื้นที่นำร่องใน 13 เส้นทาง เพื่อออกแบบระบบติดตาม (IoT) เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเเล้วเสร็จ ในช่วงเดือน มี.ค. 66 

     และในส่วนหลอดไฟฟ้าอีกจำนวน 20,000 ดวง พร้อมระบบติดตามการทำงานของดวงโคมไฟฟ้า (IoT) จะดำเนินการติดตั้งในพื้นที่ของสำนักงานเขต ทั้ง 50 เขต

     ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือนก.พ. 66 และจะเข้าดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จในช่วงเดือนเม.ย. 66

     อย่างไรก็ตาม หากโครงการฯในเฟสแรกเริ่มดำเนินการแล้ว สำนักการโยธา จะเร่งเดินหน้าโครงการต่อในเฟสที่ 2 โดยจะเสนอขอจัดสรรงบประมาณ (งบกลาง) เพื่อใช้ดำเนินการใน พื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา จำนวน 10,000 ดวง และ ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานเขต อีกจำนวน 30,000 ดวง จะดำเนินการในเฟส 2 ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. 66 เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสว่าง ตามนโยบาย 217 ข้อ ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์) ซึ่งหากโครงการทั้ง 2 เฟสดำเนินการแล้วเสร็จ จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน และลดภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซ co2  อันเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อนอีกด้วย

อัลบั้มภาพ