งานทะเบียนทั่วไป
งานทะเบียนทั่วไป
งานทะเบียนทั่วไป ทะเบียนชื่อบุคคล 1. การเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง หลักเกณฑ์การตั้งชื่อตัว ชื่อรอง ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมาย ให้คล้ายกับพระปรมาภิไธยหรือพระนามของพระราชินี หรือราชทินนามของบุคคลอื่น ต้องไม่มีคำหรือความหมายหยาบคายต้องไม่มีเจตนาทุจริต ต้องมีความหมายในทางภาษาไทย แต่ไม่ฝืนใจต่อการตั้งชื่อขัดกับศาสนาผู้ที่จะขอเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรองต้องบรรลุนิติภาวะ ถ้าเป็นผู้เยาว์ต้องให้บิดาหรือมารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้ยื่นคำขอแทน ณ ฝ่ายทะเบียนสำนักทะเบียนท้องที่ที่บุคคลนั้นๆ มีชื่อปรากฏอยู่ในปัจจุบัน หลักฐานที่ต้องใช้ 1. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง 2. ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของผู้ขอเปลี่ยน 3. กรณีดำเนินการแทนผู้เยาว์ ใช้สูติบัตรผู้เยาว์ ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่มีชื่อผู้เยาว์ บัตรประจำตัวประชาชนผู้ขอดำเนินการแทน · ค่าธรรมเนียม 50 บาท ยกเว้นการตั้งชื่อรองเป็นครั้งแรกไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2. การขอตั้งชื่อสกุล บุคคลที่จะขอตั้งชื่อสกุลต้องบรรลุนิติภาวะ ถ้าเป็นผู้เยาว์ต้องให้มารดาหรือบิดาหรือผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้ยื่นคำขอแทน ณ ฝ่ายทะเบียน สำนักทะเบียนท้องที่ที่บุคคลนั้นๆ มีชื่อปรากฏอยู่ในขณะนั้นชื่อสกุลที่จะขอตั้งใหม่ ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย หรือพระนามของพระราชินี ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับราชทินนามเว้นแต่ราชทินนามของตนหรือบุพการี หรือของผู้สืบสันดาน ต้องไม่ซ้ำกับชื่อสกุลพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ หรือชื่อสกุลที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ต้องไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย ต้องมีพยัญชนะไม่เกิน 10 พยัญชนะ แล้วเขียนตัวสะกดให้ถูกต้อง ห้ามผู้ไม่ได้รับพระราชทานชื่อสกุลใช้คำว่า ณ นำหน้าตัวหรือต่อท้ายชื่อสกุลของตน และไม่ให้ใช้ศัพท์ที่เป็นพระบรมนามาภิไธย มาเป็นชื่อสกุล ห้ามนำชื่อพระมหานครซึ่งเคยเป็นราชธานีมาแล้วแต่ก่อนหรือปัจจุบันเป็นชื่อสกุล เช่น กรุงเทพ บางกอก สุโขทัย อู่ทอง ห้ามนำสรรพนามที่เป็นราชทินนามของพระมหากษัตริย์มาตั้ง มาประกอบกับคำศัพท์อื่นตั้งเป็นชื่อสกุล เช่น จักรี นฤบาล เทพ อธิป หลักฐาน 1. บัตรประจำตัวประชาชนผู้ขอตั้งชื่อสกุล 2. ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของผู้ขอตั้งชื่อสกุล 3. กรณีดำเนินการแทนผู้เยาว์ ใช้สูติบัตรผู้เยาว์ ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่มีชื่อผู้เยาว์ บัตรประจำตัวประชาชนผู้ขอดำเนินการแทน 3. การขอร่วมใช้ชื่อสกุล ซึ่งมีชื่ออยู่ในสำนักทะเบียนเดียวกันให้เจ้าของชื่อสกุลและผู้ขอร่วมใช้ชื่อสกุลยื่นคำขอที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ หลักฐานที่ต้องใช้ 1. บัตรประจำตัวประชาชนของทั้ง 2 ฝ่าย 2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของทั้ง 2 ฝ่าย 3. หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล 4. ค่าธรรมเนียม 100 บาท กรณีเจ้าของชื่อสกุลกับผู้ขอร่วมใช้ชื่อสกุล มีชื่ออยู่ต่างสำนักงานทะเบียนกัน ให้เจ้าของชื่อสกุลยื่นคำขออนุญาตให้ผู้อื่นร่วมใช้ชื่อสกุลต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน พร้อมแสดงหลักฐานคือ บัตรประจำตัวประชาชนของทั้ง 2 ฝ่าย ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน หนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ร่วมใช้ชื่อสกุล และนำหลักฐานใบอนุญาตใช้ชื่อสกุลร่วมให้ผู้ขอร่วมให้ผู้ขอร่วมใช้ชื่อสกุลไปออกไปสำคัญ ณ สำนักงานทะเบียนที่ตนมีชื่ออยู่ ทะเบียนครอบครัว 1. การจดทะเบียนสมรส 1.1 ชาย – หญิง ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขของกฎหมาย ประสงค์จะจดทะเบียนสมรสให้เป็นสามีภริยากันโดยชอบกฎหมาย สามารถดำเนินการ ณ ฝ่ายทะเบียนสำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ 1.2 การจดทะเบียนสมรสของคนสัญชาติไทยกับสัญชาติอื่น ต้องมีหนังสือรับรองสถานภาพการสมรสและรับรองหนังสือเดินทางจากสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุล แปลเป็นภาษาไทยและรับรองโดยกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตหรือสถานกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเสียก่อน 1.3 การจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียน ผู้ร้องต้องจัดยานพาหนะรับ-ส่ง หรือจ่ายค่าพาหนะที่จ่ายจริง และเสียค่าธรรมเนียมคู่ละ 200 บาท หลักฐาน 1. บัตรประจำตัวประชาชนทั้งสองฝ่าย 2. สำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส (กรณีมีบุตรต้องนำสูติบัตรบุตรมาด้วย) 3. พยานบุคคล 2 คน 4. ถ้าคู่สมรสทั้ง 2 ฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ ต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาตนเองด้วย หากไม่ถึง 17 ปี ไม่สามารถจดทะเบียนได้ยกเว้นมีคำสั่งศาล 5. ใบสำคัญการหย่า กรณีคู่สมรสเคยจดทะเบียนหย่ามาก่อน หรือมรณบัตรคู่สมรสเดิมเสียชีวิต 6. กรณีฝ่ายหญิงมีความประสงค์จะจดทะเบียนสมรสกับคู่สมรสคนใหม่ต้องหย่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน หากไม่ถึงต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์แต่ถ้าจดทะเบียนสมรสใหม่กับคู่สมรสคนเดิมสามารถจดได้เลย |
2. การจดทะเบียนหย่า คู่หย่าต้องทำหนังสือสัญญาหย่าโดยมีข้อตกลงในเรื่องการแบ่งทรัพย์สิน หนี้สิน การใช้อำนาจปกครองบุตร การจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรและอื่นๆ โดยสามารถดำเนินการ ณ ฝ่ายทะเบียน สำนักทะเบียนใดก็ได้ หลักฐาน 1. บัตรประจำตัวประชาชน 2. สำเนาทะเบียนบ้านของคู่หย่า 3. ใบสำคัญการสมรสทั้ง 2 ฉบับ หากสูญหายต้องแจ้งความที่ สน. และนำใบแจ้งความมาแนบ 4. กรณีมีบุตรให้นำสูติบัตรหรือทะเบียนบ้านบุตรมาด้วย (ถ้ามี) 5. พยานบุคคล 2 คน 6. หลักฐานคำพิพากษาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีการหย่าโดยคำพิพากษาของศาล (ไม่เสียค่าธรรมเนียม) 7. กรณีเคยเปลี่ยนชื่อตัว/ชื่อสกุล ต้องนำหลักฐานมาด้วย 3. การจดทะเบียนรับรองบุตร การจดทะเบียนรับรองบุตร บุตรที่เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดาแต่เพียงฝ่ายเดียว หากจะให้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา บิดาต้องขอจดทะเบียนรับรองบุตรโดยมารดาและบุตรให้ความยินยอม ณ ฝ่ายทะเบียน สำนักทะเบียนแห่งใดก็ได้ถ้าบุตรไม่สามารถให้ความยินยอมได้ หรือบุตรยังไม่รู้เดียงสาให้ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว หลักฐาน 1. บัตรประจำตัวประชานชนชองผู้ร้อง 2. สำเนาทะเบียนบ้านเจ้าบ้านผู้ร้อง 3. สูติบัตรบุตร 4. กรณีเคยเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุลต้องนำหลักฐานมาด้วย 5. สำเนาคำพิพากษาของศาลพร้อมหนังสือได้รับรองคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีจดทะเบียนรับรองบุตรโดยคำพิพากษาของศาล 6. การจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียนเสียค่าธรรมเนียม 200 บาท 7. พยานบุคคล 2 คน 4. จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรม คือบุตรที่ขอมาเลี้ยงดู เสมือนเป็นบุตรของตนและได้จดทะเบียนตามกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี 2. ผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรมและผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม ถ้ามีคู่สมรสต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน 3. ผู้เยาว์ที่เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอยู่แล้ว จะเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอีกในขณะเดียวกันไม่ได้ เว้นแต่เป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม 4. พระภิกษุจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมไม่ได้ 5. กรณีบุตรบุญธรรมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อายุไม่ครบ 20 ปี) ผู้รับบุตรบุญธรรมจะต้องยื่นเรื่องราว ณ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของสำนักงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อน 6. บุตรบุญธรรมที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ผู้ขอรับบุตรบุญธรรมสามารถยื่นเรื่องราว ณ ฝ่ายทะเบียน สำนักทะเบียนแห่งใดก็ได้ หลักฐานที่ต้องใช้ 1. บัตรประจำตัวประชาชนบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมและคู่สมรสน 2. ผู้ที่เป็นบุตรบุญธรรมถ้ายังไม่มีบัตรให้แสดงสูติบัตรและ/หรือสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านแทน 3. กรณีทั้งสองฝ่ายมีคู่สมรสต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสด้วย 4. หนังสืออนุมัติให้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจากศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม กรณีผู้เป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ 5. พยานบุคคล 2 คน 6. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของผู้รับบุตรบุญธรรมและของผู้เป็นบุตรบุญธรรม 7. ใบสำคัญการสมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรม (ถ้ามีคู่สมรส) หากผู้เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุลต้องแสดงเอกสารด้วย 5. การบันทึกฐานะแห่งครอบครัว เป็นการบันทึกข้อความอันเกี่ยวกับฐานะแห่งครอบครัว ซึ่งคู่กรณีเป็นคนสัญชาติไทย อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนสัญชาติอื่น โดยกิจการนั้นได้กระทำไว้ในต่างประเทศตามแบบแห่งกฎหมายต่างประเทศนั้น เช่น การจดทะเบียนสมรส จดทะเบียนหย่า สามารถร้องขอให้นายทะเบียนบันทึกข้อความนั้นเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ตามกฎหมายไทย ณ ฝ่ายทะเบียนสำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ หลักฐานที่ต้องใช้ 1. บัตรประจำตัวผู้เกี่ยวข้อง 2. ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านผู้เกี่ยวข้อง 3. เอกสารหลักฐานในเรื่องที่ต้องการให้บันทึก ซึ่งเป็นต้นฉบับพร้อมกับคำแปลภาษาไทย รับรองการแปลจากกระทรวงต่างประเทศ หรือสถานทูตของประเทศที่ออกเอกสารให้ 4. พยานบุคคล 2 คน ข้อควรทราบ : การบันทึกฐานะแห่งครอบครัวไม่มีใบสำคัญออกให้ หากผู้มีส่วนได้เสียต้องการหลักฐานบันทึกฐานะแห่งครอบครัวต้องเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 10 บาท 6. การขอใช้คำนำหน้านาม “นาง” หรือ “นางสาว” ของสตรี เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคำนำหน้านามสตรี พ.ศ.2551 สามารถยื่นคำร้อง ณ ฝ่ายทะเบียน หรืออำเภอ เพื่อให้ออกหนังสือรับรองการขอใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการแก้ไขรายการคำนำหน้านามในทะเบียนราษฎรที่ตนมีชื่ออยู่ หลักฐานที่ต้องใช้ 1. บัตรประจำตัวประชาชน 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3. ใบสำคัญการสมรส หย่า หรือบันทึกฐานะแห่งครอบครัว (แล้วแต่กรณี) 7. การใช้ชื่อสกุลของคู่สมรส หรือกรณีสมรสสิ้นสุดลง คู่สมรส สามารถที่จะใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเองหรือชื่อสกุลของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้ในขณะสมรส โดยคู่สมรสจะต้องทำข้อตกลงเรื่องการใช้ชื่อสกุลเสียก่อน หลักฐานที่ต้องการ 1. บัตรประจำตัวผู้ยื่นคำขอ 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3. บันทึกข้อตกลงเรื่องราวการใช้ชื่อสกุล 4. กรณีการสมรสสิ้นสุดต้องมีหลักฐานมาแสดง |