เกี่ยวกับเรา
About Us
ประวัติตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (จตุจักร)
ตลาดนัดกรุงเทพมหานครเริ่มจัดขึ้นที่บริเวณท้องสนามหลวง มีชื่อเรียกว่า “ตลาดนัดสนามหลวง” พ.ศ. ๒๔๙๑ ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นรัฐบาลมีนโยบายให้มีตลาดนัดทุกจังหวัด และจังหวัดพระนคร (กรุงเทพมหานครในสมัยนั้น) ได้เลือกสนามหลวงเป็นสถานที่จัดตลาดนัด ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๙๒ ทางราชการมีความจำเป็นจะต้องใช้สนามหลวงจึงย้ายตลาดนัดไปอยู่ในพระราชอุทยานสราญรมย์ จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๐ รวมเป็นระยะเวลา ๘ ปี หลังจากนั้นได้ย้ายออกไปตั้งอยู่บริเวณสนามชัยเป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๐๐ แต่เนื่องจากสนามชัยคับแคบไม่เหมาะสม จึงได้ย้ายตลาดนัดกลับไปอยู่ที่สนามหลวงเช่นเดิม ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๑
ต่ออมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ สมัย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายที่จะใช้สนามหลวงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นสถานที่จัดงานสมโภชน์ กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี และเป็นสถานที่จัดงานรัฐพิธีต่าง ๆ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มอบที่ดินย่านพหลโยธิน ตอนต่อจากสวนจตุจักรด้านทิศใต้ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในกิจการสาธารณะประโยชน์ จำนวน ๗๔.๕๗ไร่ ตามบัญชาของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๒ กรุงเทพมหานครใช้เงินงบประมาณจำนวน ๒๔ ล้านบาท ในการปรับพื้นที่ สร้างถนน และก่อสร้างอาคารชั่วคราว เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยมาจำหน่ายสินค้า ตามนโยบายการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย และขณะเดียวกันก็พยายามย้ายผู้ค้าจากสนามหลวงมาด้วยแต่ก็ได้รับการคัดค้านจากผู้ค้าตลอดมาจนกระทั่งสามารถดำเนินการได้สำเร็จเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๒๕ โดยใช้ชื่อว่า “ตลาดนัดย่านพหลโยธิน” ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ตลาดนัดจตุจักร” ให้สอดคล้องกับสวนสาธารณะจตุจักรในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งได้รับพระราชทานนาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ จนถึงปัจจุบัน
ประวัติตลาดนัดเมืองมีน
ประวัติความเป็นมา เหตุผลและวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งตลาดนัดเมืองมีน เนื่องจากตลาดนัดจตุจักร ซึ่งเป็นศูนย์กลางจำหน่ายสินค้าราคาถูกของประเทศและเป็นตลาดแห่งเดียวของที่มีเนื้อที่ 68 ไร่ 95 ตารางวา มีแผงค้า 8,672 แผง และมีแผงค้าประมาณ 6,500 ราย ในแต่ละสัปดาห์ จะมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศไปเที่ยวชมและคับแคบไปด้วยผู้ค้าประชาชน ฉะนั้น เพื่อสนองความต้องการของประชาชนในการชื้อสินค้าราคาถูก และส่งเสริมให้ประชาชนโดยเฉพาะชาวกรุงเทพมหานครได้มีสถานที่สำหรับนำผลผลิตทางการเกษตรตลอดจนอุตสาหกรรมต่างๆ มาจำหน่าย ประกอบกับผู้ว่าราชการกรุงเทพ-มหานคร มีนโยบายจะเปิดตลาดนัดบริเวณชานเมืองเพิ่มขึ้น ทางด้านฝั่งธนบุรีหรือเขตรอบนอก เช่น เขตมีนบุรี เขตหนองจอก เขตลาดกระบัง เพื่อกระจายความเจริญออกไปกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหา-นครได้พยายามเสาะแสวงหาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับจัดเป็นตลาดนัดในพื้นที่และจัดทำ LAY – OUT แผงผังต่างๆ แล้วปรากฏว่าเส้นทางเข้า-ออกด้านถนนสีหบุรานุกิจ ปากทางเข้าเป็นสถานธนานุบาลของกรุงเทพมหานครเข้าไปเป็นตลาดของสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร เลยเข้าไปจะเป็นที่ดินว่างเปล่าขนาด 13.7 ไร่ และที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2407 ซึ่งนายเจิม นวลศรี เจ้าของที่ดินยกให้สุขาภิบาลมีนบุรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2506 รวมจำนวน 27 ไร่ เนื้อที่ตลาดนัดเมืองมีน 13.70 ไร่ ตลาดนัดสุขาภิบาลประมาณ 13.30 ไร่ ห่างจากถนนสุวินทวงศ์จำนวน 60 เมตร โดยมีที่ดินของเอกชนคั่นอยู่ ซึ่งเจ้าของที่ดินยินยอมยกที่ดินมูลค่า 3 ล้านบาท ให้กรุงเทพมหานครทำถนนกว้าง 12 เมตร ทำ LAT – OUT โดยจำลองรูปคล้ายกับตลาดนัดจตุจักร คือมีถนนโดยรอบตลาดนัด พื้นที่ตรงกลางจัดเป็นพื้นที่สีเขียวใช้เป็นลานเร่ชั่วคราว บริเวณปากทางเข้าเป็นที่ตั้งของอาคารกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพ-มหานคร มีสุขา 4 แห่ง และมีการแบ่งพื้นที่การค้ามีสินค้า 8 ประเภท มีจำนวน 1,340 กว่าแผงค้า (ขนาดพื้นที่แผงค้าละ 5 ตารางเมตร หรือ 2.0 x 2.5 เมตร) โดยระยะแรกใช้เต็นท์ผ้าใบเป็นอาคารกันแดด กันฝน งบประมาณที่ดำเนินการถมที่,สร้างรั้ว,ติดตั้งน้ำประปา,ไฟฟ้า,โทรศัพท์,ก่อสร้างกองอำนวยการสุขาสาธารณะ และติดตั้งเต็นท์เป็นเงินงบประมาณ 13 – 15 ล้านบาท ระยะเวลาการก่อสร้างเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือน ตุลาคม 2532 กว่าจะสร้างเสร็จเรียบร้อยในระยะเวลาประมาณ 9 เดือน และจะเปิดตลาดนัดประมาณเดือนกรกฏาคม 2533 ซึ่งต่อมากรุงเทพมหานครได้ เรียกชื่อว่า “ตลาดนัดเมืองมีน”
ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการจัดตลาดนัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 5/2532 เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2532 ตลาดนัดจตุจักร 2 (เมืองมีน) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของตลาดนัดได้จากถนนสายหลัก 2 สายคือ ถนนสุวินทวงศ์และถนนสีหบุรานุกิจเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กรกฏาคม 2533 จำหน่ายสินค้าครบวงจรเหมือนตลาดนัดจตุจักร รวมทั้งสิ้น 8 ประเภท ได้แก่เสื้อผ้า ผัก-ผลไม้ สัตว์เลี้ยง อาหารสำเร็จรูป ต้นไม้ อาหารสำเร็จรูป ต้นไม้ อาหารปรุง อาหารสด และสินค้าประเภทเบ็ดเตล็ดในระยะเริ่มแรกแผงค้ามีโครงสร้างเป็นเต็นท์ผ้าใบ มีแผงค้าทั้งสิ้น 1,341 แผง ในปี พ.ศ. 2534 โดยมีการปรับปรุงแผงค้าโดยตัดสิทธิแผงค้าที่มีอยู่ในความดูแลของสำนักงานเขตออกไป จึงเหลือแผงค้าตามสิทธิของประชาชนทั่วไปจำนวน 1,320 แผง และได้มีการปรับปรุงและพัฒนาแผงค้าตลาดนัดจตุจักร 2 (เมืองมีน) มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งเดิมมีแผงจำนวน 1,314 แผง ณ ปัจจุบัน พ.ศ. 2560 ได้มีการปรับปรุงแผงค้า โดยตัดสิทธิแผงค้าที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานเขตออกไป จึงเหลือแผงค้าตามสิทธิของประชาชนทั่วไป จำนวน 1,567 แผง ดังนี้
- ประเภทผัก – ผลไม้ จำนวน 223 แผง
- ประเภทเสื้อผ้า จำนวน 326 แผง
- ประเภทอาหารสำเร็จรูป จำนวน 60 แผง
- ประเภทอาหารสด จำนวน 70 แผง
- ประเภทอาหารปรุง จำนวน 180 แผง
- ประเภทต้นไม้ จำนวน 107 แผง
- ประเภทสัตว์มีชีวิต ๆ จำนวน 85 แผง
- ประเภทเบ็ดเตล็ด จำนวน 515 แผง
- แผงค้ามีทะเบียน จำนวน 463 แผง
- แผงค้าว่าง จำนวน 52 แผง
- อุปกรณ์เลี้ยงปลา จำนวน 1 แผง
- แผงค้าประเภทตลาดสด จำนวน 332 แผง
- แผงค้าประเภทศูนย์อาหาร จำนวน 88 แผง
- แผงค้าประเภทเบ็ดเตล็ด จำนวน 928 แผง
- แผงค้าประเภทต้นไม้ จำนวน 172 แผง
- ประเภทตลาดสด จำนวน 176 แผง
- ประเภทศูนย์อาหาร จำนวน 23 แผง
- ประเภทต้นไม้ จำนวน 172 แผง
- ประเภทเบ็ดเตล็ด จำนวน 1,056 แผง
สรุป สถานะจำนวนแผงค้า ณ ปัจจุบัน มีดังนี้
- ประเภทตลาดสด คงเหลือ 176 แผงค้า แบ่งเป็น
- แผงค้ามีทะเบียน 43 แผงค้า
- แผงค้าว่าง 89 แผงค้า
- ทางเดิน 44 แผงค้า
- ประเภทศูนย์อาหาร คงเหลือ 23 แผงค้า
- แผงค้ามีทะเบียน 6 แผงค้า
- แผงค้าว่าง 17 แผงค้า
- ประเภทต้นไม้ คงเหลือ 172 แผงค้า
- แผงค้ามีทะเบียน 150 แผงค้า
- แผงค้าว่าง 22 แผงค้า
- ประเภทเบ็ดเตล็ด 1,056 แผงค้า
- แผงค้ามีทะเบียน 705 แผงค้า
- แผงค้าว่าง 91 แผงค้า
- ทางเดิน 60 แผงค้า
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งตลาดนัดจตุจักร 2 (เมืองมีน)
- เพื่อสนองนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในการเปิดตลาดนัดบริเวณชานเมืองเพิ่มขึ้นทางด้านฝั่งธนบุรี และพื้นที่เขตรอบนอก เช่น เขตมีนบุรี เขตหนองจอก เขตลาดกระบัง เพื่อกระจายความเจริญของกรุงเทพมหานครออกไป
- เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการซื้อหาสินค้าราคาถูก โดยรวมสินค้าหลายประเภทไว้สถานที่เดียวกัน ช่วยประหยัดเวลา และค่าพาหนะ
- เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีสถานที่สำหรับนำผลผลิตทางการเกษตร และอุตสาหกรรมต่าง ๆมาจำหน่ายในตลาดนัด เป็นการเพิ่มประสบการณ์ในอาชีพค้าขาย และเป็นการเพิ่มรายได้แก่ประชาชน
- เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เขตชานเมืองของกรุงเทพมหานคร