แปรงฟันตอนเช้าหรือก่อนนอนดีกว่ากัน? ไม่ดูแลอาจไม่จบแค่ปัญหากลิ่นปาก!
แปรงฟัน คือ การทำความสะอาดฟันขั้นพื้นฐาน ที่ควรทำให้เป็นนิสัย วันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อคุณภาพช่องปากที่แข็งแรง และความมั่นใจในการยิ้มหรือพูดคุยเข้าสังคม อีกทั้งยังช่วยให้ลดความเสี่ยงสารพัดโรค จากปากและฟัน ป้องกันการลุกลามใหญ่โตยากจะแก้ไขอีก
แปรงฟันเช้าหรือก่อนนอนดีกว่ากัน?
- ตอนเช้า เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่หมักหมมมาทั้งคืน ทำให้รู้สึกสดชื่น ไม่มีกลิ่นปาก พร้อมเริ่มวันใหม่อย่างมั่นใจ
- แปรงฟันก่อนนอน เพราะตอนที่เรานอน น้ำลายจะไหลน้อยลงเนื่องจากน้ำลายมีประโยชน์ต่อช่องปากมากมาย รวมถึงรักษาสมดุลและชะล้างเชื้อโรคในช่องปาก ดังนั้น ช่วงที่มีน้ำลายไหลน้อยก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุสูงจึงต้องแปรงฟัน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเศษอาหารเข้าไปอุดตันทำให้เกิดกลิ่นปากอีกด้วย
โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ที่เสี่ยงมีความเสื่อมของต่อมน้ำลาย รวมถึงการกินยารักษาโรคประจำตัวบางชนิด การไม่แปรงฟันก่อนนอน ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุให้สูงขึ้นไปอีก
แพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อธิบายเอาไว้ว่า การที่เราไม่แปรงฟัง แปรงฟันไม่ถูกวิธี จะทำมีให้เชื้อโรคมาสะสมอยู่ในช่องปาก ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาทางทันตกรรมก็จะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบหรือรำมะนาด ซึ่งโรคนี้จะมีผลเกี่ยวโยงกับโรคอื่นๆ ตามมา
ผลการศึกษาพบว่าคนไข้ 3 ใน 4 หรือประมาณ 75 % ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรครำมะนาด หลายคนแทบไม่มีอาการเลย อย่างมากก็แค่แปรงฟันมีเลือดออก มีกลิ่นปาก หรืออาจมีอาการเหงือกบวม เป็นๆ หายๆ ซึ่งสามารถนำไปสู่โรคหัวใจและโรงสมองเสื่อมได้โดยที่ไม่รู้ตัว
ที่สำคัญ! นอกจากจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์แล้ว แต่ละครั้งก็ควรแปรงนานอย่างน้อย 2 นาที ให้ทั่วทุกซี่ทุกด้านและงดกินหลังแปรงอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และควรทำความสะอาดซอกฟันวันละ 1 ครั้ง ด้วยไหมขัดฟัน ร่วมกับแปรงซอกฟันในบริเวณซอกฟันที่มีเหงือกร่น/ฟันห่าง ซึ่งไหมขัดฟันที่มีลักษณะเป็นเส้นขนาดเล็ก จะไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ