วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ผู้สูงอายุไทย เกษียณแล้วไป (อยู่) ไหนดี?
![image](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000109/News/Knowledge/Knowledge/3352.jpg)
ผู้สูงอายุไทย เกษียณแล้วไป (อยู่) ไหนดี?
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000109/News/Knowledge/3.1.jpg)
ปัจจุบันไทยมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปกว่า 11 ล้านคน ซึ่งวัยเกษียณเหล่านี้ต้องเตรียมตัวทั้งด้านรายได้ที่ขาดหายไป เงินออม รวมถึงที่อยู่อาศัย โดยจากผลสำรวจชี้ว่า คนไทย 49% ไม่มีความกังวลใด ๆ ในชีวิตหลังเกษียณ ในแต่ละปีไทยจะมีข้าราชการที่ครบกำหนดเกษียณอายุตามปีงบประมาณจำนวนถึงหลักหมื่นคน โดยข้อมูลข้าราชการพลเรือนสามัญ พบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2561-2570 จะมีข้าราชการพลเรือนสามัญเกษียณอายุรวมจำนวน 117,652 คน (เฉลี่ยปีละ 11,765 คน) หากโฟกัสในปี พ.ศ. 2561-2563 จะมีผู้เกษียณอายุจำนวน 8,539 คน 10,068 คน และ 11,017 คน ตามลำดับ
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000109/News/Knowledge/3.2.jpg)
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2570 ประเทศไทยจะมีวัยแรงงานลดจำนวนลงเหลือ 61% จากข้อมูลของสำนักวิชาการ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พบว่า แนวทางการรับมือสังคมผู้สูงวัยในต่างประเทศที่นิยมนำมาใช้และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ประกอบด้วย การขยายอายุเกษียณ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วที่สิงคโปร์ ที่เพิ่มอายุเกษียณจาก 65 ปี เป็น 67 ปี เกาหลีเพิ่มจาก 55 ปี เป็น 60 ปี และญี่ปุ่นขยายจาก 62 ปี เป็น 65 ปี สอดคล้องกับผลวิจัยของ TDRI ที่พบว่า การเก็บรักษาพนักงานในกลุ่มอายุ 50-60 ปีไว้ และปรับทักษะให้ดีขึ้นจะทำให้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจลดลง 9% และการนำแรงงานในกลุ่มอายุ 60-69 ปีกลับมาในตลาดแรงงานจะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น 2% โดยทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้มีแผนขยายเวลาเกษียณอายุข้าราชการจากเดิม 60 ปี เป็น 63 ปี ในปี พ.ศ. 2567 เพื่อรองรับสังคมสูงวัย และสนับสนุนให้ข้าราชการมีอาชีพและมีงานทำหลังเกษียณ ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนหลายองค์กรได้มีนโยบายจ้างงานผู้สูงวัยตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อสร้างรายได้และสร้างงานให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายสนับสนุนให้บริษัทที่จ้างผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปเข้าทำงาน ให้สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึง 100% จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตจะมีองค์กรเอกชนสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นอีก ผู้สูงอายุกว่า 34% มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน แม้ว่าเกษียณแล้วจะทำให้ช่องทางรายได้จากการทำงานหายไป แต่ก็ยังมีรายได้อื่น ๆ ที่ได้เสริมจากหลังเกษียณ เช่น เงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลให้กับผู้สูงอายุทุกคนที่ไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ กองทุนบำเหน็จบำนาญสำหรับผู้ที่เป็นข้าราชการ ส่วนผู้ที่ทำงานในบริษัทเอกชนบางแห่งจะมี Provident Fund หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นกองทุนเงินออมหลังเกษียณอายุ โดยมาจากเงินสะสมของเงินเดือนลูกจ้างในแต่ละเดือน รวมถึงเงินออมในธนาคาร และประกันชีวิตที่เคยทำไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 จากกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยว่า ไทยมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปกว่า 11 ล้านคน โดยในปี พ.ศ. 2564 จะมีประชากรสูงวัย 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด หรือ 20% และที่น่าเป็นห่วงคือจำนวนผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน อยู่ที่ 34.3% (ในปี พ.ศ. 2557 เส้นต่ำกว่าความยากจน คือ ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 2,647 บาท/เดือน) อีกทั้งกว่า 55.8% คนสูงวัยยังต้องพึ่งพารายได้จากผู้อื่น ยังต้องทำงานหารายได้เอง 34% ซึ่งแหล่งรายได้หลักการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ มาจากบุตร 36.7% รายได้จากการทำงานของผู้สูงอายุเอง 33.9% เบี้ยยังชีพจากราชการ 14.8% เงินบำเหน็จบำนาญ 4.9% จากคู่สมรส 4.3% ดอกเบี้ยเงินออมและการขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ 3.9% และรายได้จากทางอื่น ๆ อีก 1.5%
ผลสำรวจชี้คนไทย 49% ไม่มีความกังวลเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ เมื่อเอ่ยถึงอสังหาริมทรัพย์ การใช้ชีวิตในวัยเกษียณก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่หลายคนคำนึงถึง บางรายอาจอาศัยร่วมกับลูกหลานหรือพี่น้องซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ ขณะที่ผู้สูงวัยอีกไม่น้อยที่ไม่ได้แต่งงาน หรือต้องการแยกตัวมาอยู่คนเดียว ก็เริ่มให้ความสนใจรูปแบบที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ
![](https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000109/News/Knowledge/3.3.jpg)
สุขภาพดีต้องมาก่อน เพราะคำว่า "ไม่เป็นไร" ใช้ไม่ได้กับเรื่องสุขภาพ จึงควรปฏิบัติตามข้อแนะนำคือ
1. หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงและอาการ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนต่าง ๆ เช่น อาการปวดหัวเป็นประจำ นอนไม่หลับ น้ำหนักเพิ่ม หรือลดผิดปกติ เพื่อจะได้รีบปรึกษาแพทย์
2. บริโภคอาหารให้เหมาะสมกับวัย เช่น เลือกทานอาหารที่มีไขมันแต่พอควร หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เป็นต้น
3. ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน
4. ทำจิตใจให้แจ่มใส สนใจบุคคลและสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้มากขึ้น
ฐานะการเงินราบรื่น เป็นอีกประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตหลังเกษียณว่า จะเป็นไปอย่างมีความสุข ราบรื่น เลี้ยงดูตนเองได้ หรือต้องเป็นภาระให้กับครอบครัวและลูกหลาน ซึ่งฐานะการเงินภายหลังเกษียณจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับ 3 กิจกรรมสำคัญคือ
1. การออม จะดีมากถ้ามีการวางแผนและได้เก็บออมไว้แต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ยังทำงานอยู่ และมีระยะเวลาการออมที่ยาวนาน เมื่อถึงวันที่ต้องเกษียณ ก็จะมีความพร้อม และไม่กังวลว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร จะพึ่งพาลูกหลานได้แค่ไหน เจ็บป่วยขึ้นมาจะใช้เงินที่ไหนรักษาตัว เพราะเงินออมเพื่อการเกษียณก้อนนั้น ก็จะทำหน้าที่ของมันตามวัตถุประสงค์ของการออมนั่นเอง2. การหาเงินเพิ่ม เพราะ "อัตราเงินเฟ้อ" คือ ศัตรูตัวฉกาจต่อการดำรงชีวิตและการออม จึงไม่ควรที่จะประมาท ถึงแม้ว่าจะมีเงินออมอยู่แล้วก็ตาม การหาเงินเพิ่มทำได้โดยตรงด้วยการทำงานอดิเรก ทำงานพิเศษที่สร้างรายได้ และอยู่ในวิสัยที่สภาพร่างกายยังเอื้ออำนวย หรือการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นอาชีพใหม่ ซึ่งเหมาะสมกับวัยและความถนัดของตนเอง นอกจากนี้ยังมีวิธีเพิ่มมูลค่าเงินออมด้วยการลงทุน ซึ่งมีอยู่มากมายหลายช่องทางและรูปแบบให้เลือกลงทุน ตามความเหมาะสมกับช่วงอายุ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายของการลงทุน
3. การบริหารค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คนวัยเกษียณควรคำนึงถึงความมั่นคงทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ เพราะวันข้างหน้าจะต้องเกิดค่าใช้จ่าย ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็คือ ค่ารักษาพยาบาล ดังนั้นการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงควรเป็นไปอย่างเข้มงวด มีวินัย และประหยัดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่เวลาถึงคราวจำเป็นต้องใช้เงินจะได้ไม่ลำบาก
แนวทางสร้างความสุข
1. อยู่ได้ด้วยตนเอง และพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด
2. อย่าให้ชีวิตไร้คุณค่า เป็นที่พึ่งทางปัญญาให้กับลูกหลาน และทำตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม
3. พึงตระหนักในสัจธรรมที่ว่า ชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลง อย่ายึดติด และจงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
4. ศึกษาธรรมะ และหลักคำสอนของศาสนา เพื่อจิตใจที่สุขสงบ
เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ เช่นเดียวกับ "การเกษียณ" ที่บางคนอาจมองว่าเป็นความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปจากชีวิต และไม่อาจยอมรับได้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากมีความพร้อมและลองมองโลกในแง่ดี จะพบว่าถึงเวลาแล้วที่จะได้พักผ่อน และแสวงหาความสุขให้กับชีวิตได้อย่างเต็มที่เสียที
ขอขอบคุณบทความและรูปภาพประกอบจาก
- https://www.ddproperty.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/2019/10/1837
23/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8
%93%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89 - สำนักบริการคอมพิวเตอร์ https://www.ku.ac.th/e-magazine/nov48/know/secret.html