ประสิทธิภาพในการดูแลและความใส่ใจผู้ป่วย

เนื่องจากวันที่ 8/7/65 คุณพ่อ นายวรพล นภาวุฒิ ผู้ป่วย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เจริญกรุงประชารักษ์ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ และตรวจพบก้อนเนื้อในปอด

ตามที่ได้รับการรักษาตั้งแต่วันที่ 8/6/65 คุณพ่อมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบจึงต้องได้รับการรักษานอนที่โรงพยาบาลหลายวัน จากนั้นทางโรงพยาบาลติดต่อขอพบญาติของผู้ป่วย (คุณพ่อ) ทางเราได้รับแจ้งว่าผู้ป่วยอาจจะเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายตามผล X-ray ซึ่งทางคุณหมอนัดเจาะชิ้นเนื้อวันที่ 6/7/65 ทางเราไม่สะดวกในวันดังกล่าวจะขอเลื่อนนัดเป็นวันที่ 11/7/65 และในตามขั้นตอนของโรงพยาบาล ทางคุณพ่อต้องมารับการตรวจ เจาะเลือด และรับยา พร้อมตรวจโควิดก่อนเข้ารักษาในวันที่ 8/7/65 และกำหนดนอนที่โรงพยาบาลในวันที่ 10/7/65 เพื่อทำการเจาะชิ้นเนื้อในวันที่ 11/7/65 ตามกำหนด

ดิฉันนางสาววรพร นภาวุฒิ ได้พาคุณพ่อเข้ารับการรักษา วันที่ 8/7/65 เวลาประมาณบ่ายโมง โดยพบกับ นายแพทย์ธวัลรัตน์ โวหาร เพื่อสอบถามอาการคุณพ่อหลังจากได้รับการรักษาในเบื้องต้นเมื่อเดือนก่อน ในอาการเส้นเลือดสมองตีบดิฉันได้รับคำตอบและเข้าใจพร้อมปฏิบัติต่อไป แต่เมื่อถามถึงอาการเนื้องอกของผู้ป่วยว่ามีกี่ CM และอันตรายมากน้อยแค่ไหน แต่กลับไม่ได้คำตอบจากคุณหมอ เนื่องจากคนที่ดูแลในเคสของการทำ CT Scan ไม่เขียนอะไรไว้ให้คุณหมอเลยสักนิด ทางคุณหมอจึงไม่สามารถดำเนินการรักษาต่อได้...​ ซึ่งได้แค่บอกว่าจะต้องมาเจาะชิ้นเนื้อก้อนและอาจจะแจ้งดำเนินการต่อ....

โดยเหตุการณ์นี้ คุณพ่อได้มีการ X-ray แล้ว จะเป็นไปได้หรือ?? ที่จะไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่ามีก้อนเนื้อจุดไหน หรือขนาดก้อนเนื้อว่ากี่ CM แล้ว

เรียนด้วยความเคารพ...
เรามีความเชื่อมั่นในจรรยาบรรณของบุคลกรการแพทย์ในเรื่องการดูแลและความใส่ใจในการดูแลรักษาผู้ป่วย และก็ทราบว่าในทุกๆ สถานการณ์ ทุกท่านมีความทุ่มเทกับผู้ป่วยเสมอ แต่ในกรณีนี้มันทำให้เรามีความสับสน ไม่มั่นใจและเกิดเป็นความสงสัยในการฝากชีวิต ในการดูแลรักษา จากเหตุการณ์นี้ที่หลายท่านคงมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในเรื่องความรอบคอบและการติดต่อสื่อสาร ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของคนเราและยิ่งกว่านั้นกับบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าทำงานเกี่ยวกับการดูแลชีวิตคน... เรื่องอื่นเราสามารถปล่อยผ่านได้ แต่เรื่องของชีวิตของคนคนนึงเราไม่สามารถปล่อยผ่านได้ค่ะ ทุกคนอยู่ได้ด้วยแรงผลักดันของความหวัง แค่ชีวิตที่ป่วยเป็นมะเร็งก็แย่พอแล้ว อย่างน้อยเค้าควรได้รับทราบปัญหาของสุขภาพของเค้าเองเช่นกันค่ะ

หวังว่าเหตุการณ์นี้ จะเป็นข้อคิดและเตือนสติกับทุกท่านให้ควรรอบคอบและใส่ใจในทุกเหตุการณ์มากกว่านี้ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

2 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1

ขอบคุณสำหรับขอเสนอแนะ ทางเราจะนำไปปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งขึ้นครับ


ผู้ตอบ : (119.110.207.x)         วันที่-เวลา : 21/07/2022 14:37:58

ความคิดเห็นที่ 2

แพทย์ที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นแพทย์เพิ่งจบ กับ แพทย์นักศึกษา บางที คำพูด คำตอบอาการของคนไข้ ไม่มีวาทศิลป์ในการพูด มักพูดบทสรุปที่แย่ๆ ให้ญาติฟัง ซึ่งบางที ฟังแล้ว เหมือนเราหมดหวังทางการรักษาเลย คือ ให้ทำใจ ว่า ตายแน่ๆ แก่แล้ว ให้ทำใจยอมรับว่าคนไข้แก่แล้ว บางที เราก็เข้าใจนะว่า พ่อแม่เราแก่แล้ว แต่อยากถามคุณหมอทั้งหลายว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของหมอ แก่แล้ว เจ็บป่วย เป็นโรค ความเป็นลูกอ่ะ จะทนปล่อยให้พ่อแม่ทนทุกทรมานจนตาย โดยไม่รักษาจนสุดความสามารถเราหรือไง ควรพูดให้ดีๆหน่อย อย่าเป็นแบบขวานผ่าซากเกินไป แค่ฟังคำตอบ จิตของญาติก็ตกหมดแล้วค่ะ หรือ อาจเป็นเพราะ หมอเจอคนตายตลอดเวลา จิตใจถึงชินชากับความตายของคนไข้ อันนี้ก็ต้องย้อนกลับไปที่เดิม ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของหมอล่ะ จะรู้สึกยังไง ขอให้คำตอบของคนไข้ ถนอมน้ำใจญาติๆด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง


ผู้ตอบ : (...x)         วันที่-เวลา : 25/08/2022 14:54:16

แสดงความคิดเห็น