10 วิธีป้องกันตัวเองให้รอดจาก "ไวรัสโคโรน่า"
หลังจากพบผู้ป่วยปอดอักเสบ จากไวรัสโคโรน่า เมื่อวันสิ้นปี 2562 จนถึงนาทีนี้ ยังพบการระบาดไม่หยุด และแนวโน้มรุนแรงขึ้น
มี 10 ข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค ที่ทำได้ไม่ยุ่งยาก
1.ถ้ามีแผนไปประเทศที่โรคระบาดอยู่ ถ้าไม่จำเป็น ให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
2.หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ ตลาดค้าสัตว์ หรือสินค้าจากสัตว์ เพราะการพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรก มาจากสัตว์สู่คน ที่ตลาดค้าอาหารทะเล และค้าสัตว์ที่เมืองอู่ฮั่น
3.ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น
![](https://www.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04Oai9JAonmPh2KTiboMbAufMDzmjUb5.jpg)
4.ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้มีอาการทางเดินหายใจ หรือมีอาการเป็นหวัด
5.หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ถ้าเริ่ม มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
6.โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 เพื่อให้รถจากสถานพยาบาลมารับทันที
7.อยู่ห่างจากคนที่ไอหรือจาม 180 เซนติเมตร เพื่อให้พ้นจากรัศมีน้ำลาย และน้ำมูกที่จะกระจายออกมา
![](https://www.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04Oai9JAonmPh2KTibgyxvx4jbkwTa9I.jpg)
8.ล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอล์
9.กินร้อน ช้อนกลาง อาหารปรุงสุก พักผ่อนให้เพียงพอ
10.แม้จะเป็นข้อสุดท้าย แต่สำคัญมาก คือสวมหน้ากากอนามัยในที่ชุมชนคนหนาแน่นไว้ก่อน
ที่ต้องเน้นดูแลตัวเอง เพราะไวรัสโคโรน่า มีรุ่นพี่มา 2 รุ่นแล้วก่อนหน้านี้ จากข้อมูลของ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สรุปได้ว่า เมื่อปี 2545-2546 ไวรัสโคโรน่า "ซาร์" ที่ข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านชะมด มาติดถึงคน เริ่มระบาดจากประเทศจีน ไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 ราย เสียชีวิต 10%
มาในปี 2555-2557 ไวรัสโคโรน่า "เมอร์ส" ข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านอูฐมาติดถึงคน เริ่มจากผู้ป่วยในประเทศซาอุดีอาระเบีย มีผู้ติดเชื้อรวม 1,733 ราย เสียชีวิต 36%
รู้ที่มาที่ไปแล้วว่าไม่ธรรมดา และวิธีป้องกันตัวเอง โอกาสเสี่ยงก็ลดลง ส่วนใครมองว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นแค่หวัด ก็ช่างเขา เพราะสุขภาพเป็นของเรา ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไว้ก่อน.