โรคมะเร็งปากมดลูก

ข่าววันที่
วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560
image
 
      โรคมะเร็งปากมดลูก คือ เชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ซึ่งสามารถถ่ายทอดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าไวรัสชนิดนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิง แต่สิ่งที่คนอาจไม่ค่อยทราบก็คือ ผู้ชายสามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้เช่นกัน และทำให้เสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งองคชาติและโรคมะเร็งทวารหนัก

center
 
ความรู้โรคมะเร็งปากมดลูก
  • มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม  ในแต่ละปีคาดประมาณว่าหญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูก  สูงถึง 10,000 คน  และเสียชีวิตประมาณ 5,000 คนต่อปี (ประมาณ 14 คนต่อวัน)
  • สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า "ฮิวแมนแพปพิลโลมาไวรัส" หรือมีชื่อย่อว่า "ไวรัสเอชพีวี"
  • ปัจจุบันพบเชื้อไวรัสเอชพีวีมากกว่า 40 สายพันธุ์ที่ก่อโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก  พบว่าสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกถึงร้อยละ 70
  • การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกทำได้โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีคู่นอนหลายคน  การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีก็เป็นวิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพดีอีกวิธีหนึ่ง  นอกจากนี้การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยให้พบมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น  ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้


ข้อควรรู้ของวัคซีนป้องกันเอชพีวีที่นำมาให้บริการแก่นักเรียน
  • ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันเอชพีวีจะสูงสุด  หาดฉีดในผู้ที่ไม่เคยได้รับเชื้อเอชพีวีหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน  นอกจากนี้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในเด็กอายุ 9-14 ปี  มีระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่าผู้ใหญ่ 2-3 เท่า
  • วัคซีนป้องกันเอชพีวี  มีข้อห้ามในผู้ที่เคยแพ้วัคซีนป้องกันเอชพีวีมาก่อน  ผู้ที่มีข้อห้ามข้างต้นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่องดการรับบริการวัคซีนป้องกันเอชพีวี
  • ฉีดวัคซีนจำนวนทั้งสิ้น 2 เข็ม เข็มที่สองห่างจากเข็มแรก 6 เดือน  หลังฉีดวัคซีนจะต้องสังเกตุอาการอย่างน้อย 30 นาที  เพื่อระวังอาการแพ้วัคซีนรุนแรง  หากผู้ปกครองสังเกตุพบอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเป็นจากวัคซีนป้องกันเอชพีวี  ควรปรึกษาแพทย์ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
  • อาการภายหลังได้รับวัคซีนที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ปวดบริเวณที่ฉีด  แดงหรือบวมบริเวณที่ฉีด  ซึ่งพบได้น้อยมาก
  • ผู้รับวัคซีนควรรับวัคซีนจนครบตามที่กำหนดเพื่อให้สามารถป้องกันโรคได้สูงสุด  เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เช่น มีคู่นอนคนเดียว  ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง  และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ