เทศกิจกรุงเทพมหานคร พร้อมขับเคลื่อนนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

(13 มิ.ย. 65) เวลา 09.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ครั้งที่ 6/2565 เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่เทศกิจ พร้อมด้วยนายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นางสาวธนพร แดงจิ๋ว ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร โดยมีนายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ นายสุริยชัย รวิวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกรุงธน 3 สำนักเทศกิจ

ในที่ประชุมได้มีการพิจารณานโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเทศกิจ ในฐานะหน่วยงานหลัก 10 นโยบาย และหน่วยงานสนับสนุน 16 นโยบายและรายงานการปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญได้แก่ การจัดระเบียบหาบเร่ - แผงลอย กรุงเทพมหานครขอความเห็นชอบกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขอกำหนดพื้นที่ทำการค้า 95 จุด ได้รับความเห็นชอบจำนวน 86 จุด ไม่เห็นชอบจำนวน 9 จุด เจ้าพนักงานท้องถิ่นลงนามประกาศแล้วจำนวน 55 จุด อยู่ระหว่างเสนอเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพื่อพิจารณา จำนวน 31 จุด จุดที่ บชน. ไม่เห็นชอบ สำนักงานเขตเสนอขอทบทวนจำนวน 2 สำนักงานเขต ได้แก่ สำนักงานเขตดุสิต จำนวน 3 จุด และสำนักงานเขตราชเทวี จำนวน 4 จุด ไม่ทบทวนจำนวน 2 สำนักงานเขต ได้แก่ สำนักงานเขตพญาไท และสำนักงานเขตบางรัก และพิจารณาดำเนินการยกร่างประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ (ฉบับที่ 3) เพื่อเตรียมให้คณะกรรมการพิจารณาเพิ่มระยะเวลาในการอนุญาตทำการค้าจาก 1 ปี เป็น ... ปี โดยกำหนดให้หยุดขายทุกวันจันทร์

การดำเนินการโครงการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ระหว่างวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 - 6 มิถุนายน 2565 สำนักงานเขต จับกุม 41,566 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 3,865 ราย ดำเนินคดี 37,701 ราย ปรับเป็นเงิน 45,606,800 บาท โดยสถิติย้อนหลัง 3 เดือน เป็นดังนี้ ประจำเดือนมีนาคม 2565 สำนักงานเขต จับกุม 329 ราย ประกอบด้วย ประชาชน 301 ราย วินจักรยานยนต์ 20 ราย แกร๊ป 8 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 0 ราย ดำเนินคดี 329 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 0 ราย ปรับเป็นเงิน 407,000 บาท ประจำเดือนเมษายน 2565 สำนักงานเขต จับกุม 186 ราย ประกอบด้วย ประชาชน 160 ราย วินจักรยานยนต์ 21 ราย แกร๊ป 5 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 0 ราย ดำเนินคดี 186 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 0 ราย ปรับเป็นเงิน 252,800 บาท ประจำเดือนพฤษภาคม 2565 สำนักงานเขต จับกุม 201 ราย ประกอบด้วย ประชาชน 181 ราย วินจักรยานยนต์ 16 ราย แกร๊ป 4 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 0 ราย ดำเนินคดี 201 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 0 ราย ปรับเป็นเงิน 246,100 บาท

การดำเนินการกรณีป้ายโฆษณาที่ติดตั้งในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ระหว่างวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 - 6 มิถุนายน 2565 สำนักงานเขต จัดเก็บ 235,251 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 51 ราย จับ-ปรับ 5,753 คดี ปรับเป็นเงิน 15,849,100 บาทระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2565 – 6 มิถุนายน 2565 สำนักงานเขต จัดเก็บ 550 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 0 ราย จับ-ปรับ 13 คดี ปรับเป็นเงิน 26,500 บาท ประจำเดือนมีนาคม 2565 สำนักงานเขต จัดเก็บ 2,146 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 0 ราย จับ-ปรับ 56 คดี ปรับเป็นเงิน 128,400 บาท ประจำเดือนเมษายน 2565 สำนักงานเขต จัดเก็บ 1,616 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 0 ราย จับ-ปรับ 44 คดี ปรับเป็นเงิน 61,100 บาท ประจำเดือนพฤษภาคม 2565 สำนักงานเขต จัดเก็บ 4,258 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 0 ราย จับ-ปรับ 37 คดี ปรับเป็นเงิน 83,000 บาท

การดำเนินการเกี่ยวกับซากยานยนต์ จำนวนซากรถที่สำรวจทั้งหมด 1,189 คัน เจ้าของเคลื่อนย้ายแล้ว 1,039 คัน สำนักงานเขตเคลื่อนย้าย 139 คัน คงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ 11 คัน สถานที่เก็บซากยานยนต์ส่วนกลางกรุงเทพมหานคร (หนองแขม) มีซากยานยนต์ที่เก็บรักษา จำนวน 87 คัน ได้มีการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดจำนวน 8 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 21,000 บาท ปัจจุบันเหลือซากยานยนต์ที่เก็บรักษาไว้บริเวณที่เก็บซากยานยนต์ส่วนกลางของกรุงเทพมหานคร (หนองแขม) จำนวน 76 คัน สถานที่เก็บซากยานยนต์บริเวณใต้ทางด่วน สี่แยกประเวศ เขตประเวศ มีซากยานยนต์ที่เก็บรักษา จำนวน 17 คัน ได้มีการเปรียบเทียบปรับ จำนวน 3 รายจากสำนักงานเขตลาดพร้าว เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 7,500 บาท ปัจจุบันคงเหลือซากยานยนต์ที่เก็บรักษาบริเวณใต้ทางด่วน สี่แยกประเวศ เขตประเวศ จำนวน 14 คัน

โครงการเทศกิจจราจรของฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต ประจำเดือน พฤษภาคม 2565 ซึ่งเปิดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 โดยจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียน สถานศึกษา จุดวิกฤตจราจร ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกกับเด็กนักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปพร้อมดำเนินการจัดระเบียบการเว้นระยะห่างทางสังคมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริเวณโรงเรียนในพื้นที่ความรับผิดชอบ โดยเจ้าหน้าที่เทศกิจได้ดำเนินการปฏิบัติหน้าที่จราจร บริเวณหน้าโรงเรียน กทม. 261 แห่ง บริเวณหน้าโรงเรียน สพฐ. 44 แห่ง บริเวณหน้าโรงเรียน เอกชน 41 แห่ง รวมเจ้าหน้าที่เทศกิจปฏิบัติหน้าที่จราจร 511 ราย ในโรงเรียนทั้งหมด 346 แห่ง

โครงการบูรณาการดำเนินงานด้านความปลอดภัยภัยเชิงพื้นที่ จากการสำรวจจุดเสี่ยง มีจำนวนทั้งสิ้น 463 จุด 50 พื้นที่เขต ได้นำไปดำเนินการดังนี้ สำนักเทศกิจ อย่างน้อย 1 ครั้ง/จุด/เดือน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 944 ครั้ง/เดือน (โดยเฉลี่ย) คิดเป็น 2.04 ครั้ง/จุด/เดือน สำนักงานเขต อย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน/จุด เป็นจำนวนทั้งสิ้น 31,255 ครั้ง/เดือน (โดยเฉลี่ย) คิดเป็น 2 ครั้ง/จุด/เดือน ปรากฏตามรายการ ดังนี้ 1) การติดตั้ง ซ่อมแซม หรือบำรุงไฟฟ้าส่องสว่าง จำนวน 239 รายการ คิดเป็นร้อยละ 21.77 2) การติดตั้ง ซ่อมแซม หรือบำรุงกล้องวงจรปิด (CCTV) จำนวน 370 รายการ คิดเป็นร้อยละ 33.70 3) การติดป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน จำนวน 204 รายการ คิดเป็นร้อยละ 18.58 4) ทำความสะอาด/ดูแลรักษาและตัดแต่งต้นไม้/รื้อถอน เคลื่อนย้ายหรือจัดเก็บ จำนวน 206 รายการ คิดเป็นร้อยละ 18.76 5) ปรับภูมิทัศน์ จำนวน 56 รายการ คิดเป็นร้อยละ 5.10 6) ประสานหน่วยงานเจ้าของพื้นที่/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 23 รายการ คิดเป็นร้อยละ 2.09 รวม 1,098 รายการ คิดเป็นร้อยละ 100 ดำเนินการร่วมโดยสำนักเทศกิจ สำนักงานเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในระดับมากขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 1,215 ราย คิดเป็นร้อยละ 87.32 ผลการสำรวจระยะครึ่งปีงบประมาณ 1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 ทั้งนี้ ยังมีความสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) นโยบาย กรุงเทพฯ 9 ดี นโยบายที่ 1 ปลอดภัยดี : ใช้ข้อมูลอาชญากรรมกำหนดพิกัดอันตราย เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เพื่อให้สำนักงานเขตดำเนินการอย่างจริงจัง และสำนักเทศกิจจะทำการสำรวจจุดเสี่ยงอีกครั้ง

โครงการรักษาความปลอดภัยทางน้ำ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ชุดตรวจปฏิบัติการทางน้ำ พร้อมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้การช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้โป๊ะและท่าเรือ และคอยให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ ในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สะพานกรุงธน (ซังฮี้) ถึง สะพานสาทร รวมถึงประชาสัมพันธ์การรักษาความสะอาดให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และ คลองสายหลักประจำเดือน พฤษภาคม 2565 ทำการออกตรวจทางน้ำ จำนวน 30 ครั้งต่อเดือน จำนวนผู้รับบริการโดยประมาณ 4,000 ราย และให้ความช่วยเหลือประชาชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีผลกระทบต่อน้ำท่วม

โครงการตรวจตราคลองสายหลักที่ได้รับการปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร การดำเนินโครงการตรวจตราคลองสายหลักที่ได้รับการปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 ขณะนี้เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจและสำนักงานเขตได้ออกตรวจคลองเป้าหมาย จำนวน 39 คลอง ตามโครงการ รวมทั้งได้มีการลงพื้นที่ตรวจคลองตามโครงการร่วมกันไปบ้างแล้ว ซึ่งในการออกตรวจคลองได้มีการประชาสัมพันธ์โครงการแก่ประชาชนที่อาศัยบริเวณริมคลองและสัญจรผ่านไป – มาบริเวณริมคลองในเรื่องการตรวจตราคลองและพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับเรื่องการทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลมูลฝอย ลงคลอง

การรับแจ้งเบาะแสของประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขตได้เร่งรัดดำเนินการและปรับปรุงสถานะการดำเนินการให้เป็นปัจจุบันมีผลการดำเนินการ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 256๕) ดังนี้ การแจ้งเบาะแสรับแจ้งสะสม ( 1 ก.ย.61 - 31 พ.ค. 65) จำนวน 178,143 เบาะแส/เรื่อง 1. ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 103,375 เบาะแส/เรื่อง 2. อยู่ระหว่างการการดำเนินการของสำนักงานเขตจำนวน 28,300 เบาะแส/เรื่อง 3. อยู่ในการดำเนินการของสถานีตำรวจนครบาล 46,468 เบาะแส/เรื่อง ผลการแบ่งค่าปรับ จำนวนเบาะแสที่เปรียบปรับแล้วจำนวน 5,207 เบาะแส/เรื่อง เป็นเงินค่าปรับ 5,566,934 บาท ได้รับเงินส่วนแบ่งค่าปรับแล้วจำนวน 3,049 เบาะแส/เรื่อง เป็นเงิน 2,180,600 บาท ยังไม่มีรับเงินส่วนแบ่งค่าปรับจำนวน 890 เบาะแส/เรื่อง เป็นเงิน 570,250 บาท ไม่ประสงค์รับเงินส่วนแบ่งค่าปรับจำนวน 105 เบาะแส/เรื่อง เป็นเงิน 70,550 บาท

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งชัดและใสเจน รวมทั้งปฏิบัติตนอยู่ในวินัยอย่างเคร่งครัด