"หัวหน้าแบบไหนที่ลูกน้องต้องการ"

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563
image
เจ้านายแบบไหนที่ลูกน้องต้องการ

ส่วนลูกน้องเอง ก็อยากมีเจ้านายในฝัน ที่พวกเขาต้องการด้วยเช่นกัน เดี๋ยวนี้ในองค์กรข้ามชาติ เขามีใยประเมินผลเจ้านายกันแล้ว และปิด ผนึกส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ่อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่า ตรงตาม มาตรฐาน ที่บริษัทแม่ต้องการหรือเปล่า ลองสำรวจดูวิว่า เจ้านายแบบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายที่ลูกน้องต้องการ
 
ตัดสินใจเด็ดขาด
เจ้านายที่ตัดสินอย่างเด็ดขาด และมักถูกต้องเสมอ มีเหตุมีผล พูดจาคำไหนคำนั้น ถือได้ว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุด ของลูกน้อง บางครั้งการตัดสินใจ ดูเหมือนจะใช้ความคิดของตนเป็นใหญ่ ไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ เพราะเขากำลัง อยู่ใน บทบาทซึ่งเป็นผู้นำ ถ้าผู้นำมีความมุ่งมั่น ตัดสินใจเร็ว ไม่โลเล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ ลูกน้องก็จะเกิดความมั่นใจเชื่อถือ และสามารถทำงานได้โดยไม่สะดุดบ่อยๆ
 
มีเป้าหมายชัดเจน
นอกจากจะเฉียบขาดแล้ว นายที่มีจุดยืน มีอุดมการณ์ หรือมี จุดหมายที่ชัดเจน ก็เป็นที่ต้องการเป็นอย่างยิ่ง จุดหมายที่ องค์กรมีร่วมกัน โดยมีนายเป็นผู้นำนั้น ก็เหมือนกับเส้น หลักชัย ที่ต้องเดินไปให้ถึง ถ้ามีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน แล้ว เราก็ สามารถมุ่งหน้า ไปยังจุดๆนั้นได้ง่าย และเร็วขึ้น เพราะเรารู้ว่าเรา กำลังทำอะไรอยู่ คนที่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่นั้น ย่อมดีกว่า เดินไป คิดลังเลไป เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวเยสเดี๋ยวโน จริงไหมคะ
 
รู้จักใช้คน
Put he right man in the right job. ยังใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์ และทุกที่ นายที่ดีต้องรู้จักลุกน้องของตนว่าใครเหมาะที่จะทำอะไร งานไหนควรให้ใครรับผิดชอบ คนไหนเก่งอะไรแต่มี ข้อบกพร่อง ไปบ้าง ก็พยายามแก้ไขให้เขาสมบูรณ์แบบขึ้น ใครขาดใคร เกินส่วนไหน ก็ปรับแต่งให้ลงตัว จึงจะเรียกว่า บริหารคนเป็น การรู้จักนิสัยใจคอ ความชอบส่วนตัวของลูกน้อง นอกจากจะทำให้ ได้งาน ที่มีประสิทธิภาพขึ้นแล้ว ยังเป็นข้อหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่า เจ้านายใส่ใจลูกน้องเป็นอย่างดี ซื่อสัตย์
นอกจากจะเป็นคนที่ทำงานเก่งแล้ว เจ้านายตัวอย่าง ควรจะมี ความซื่อสัตย์ ต่อองค์กรด้วย บริหารค่าใช้จ่ายภายในอย่างเป็น ธรรมถูกต้อง ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ ให้กลายเป็นที่ วิพากษ์ วิจารณ์ได้ การมีเจ้านายเป็นคนเก่ง และเป็นคนดีที่ ไว้ใจได้ อาจพูดได้ว่า เป็นโชคดีชั้นหนึ่งของลูกน้อง ที่ได้ร่วมงานด้วย เลยทีเดียว
 
สนับสนุนลูกน้อง
นายที่ดีต้องให้โอกาสลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ได้มีโอกาส ทำงาน ที่พิสูจน์ความสามารถของตนเองด้วย งานใดจะส่งเสริม ให้ความ สามารถของลูกน้อง โดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ก็ควรสนับ สนุน ไม่ใช่ แย่งผลงานของลูกน้องมาเป็นผลงานของ ตัวเอง หมดเสียทุกครั้งไป ให้โอกาสเขาได้เจริญเติบโต พร้อมทั้งผลักดัน สนับสนุน ให้สร้างเสริม ความสามารถขึ้นเรื่อยๆ เจ้านายที่ดีต้อง สร้าง ลูกน้อง ให้เก่งขึ้นกว่า เดิม เพื่อที่เขา จะมาทำงานแทนเรา ได้ในอนาคต
 
มีมนุษยสัมพันธ์ดี
นายที่ดีต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี ทั้งในและนอกองค์กร บางครั้ง นอก องค์กรนายอาจ จะเป็น คนนิสัยเยี่ยม อัธยาศัยดี น่า คบหา แต่กับคนใครใกล้ตัว อย่างลูกน้องที่ ใกล้ชิดนายอาจจะหลงลืมหรือละเลย ไปบ้างแต่นายที่ดีต้องไม่ลืมข้อนี้ แค่ทักทาย ถามไถ่ทุกข์สุขลูกน้อง ขอบคุณ เมื่อเขาทำงานให้ ให้รางวัลหรือคำชมเชยว่า Well done เป็นต้น นายที่ดีต้องรู้จักยืดหยุ่นมีอารมณ์ขัน อาจมีการพบปะ สังสรรค์กัน นอกเวลางานบ้าง จะช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน และจะส่ง ผลให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น
 
อย่าข้ามหน้าข้ามตาเจ้านาย
ไม่ว่าจะทำงานออกมาดีเลิศขนาดไหนไม่ควรเอาผลงานไปให้เจ้านายคนอื่นดูโดยที่ไม่ได้ผ่านตาเจ้านายตัวเองก่อน นอกจากเป็นการไม่ให้เกียรติแล้ว ยังจะทำให้เขาเหม็นหน้าคุณเปล่าๆ
 
รับฟังความคิดเห็นของลูกน้องบ้าง
เจ้านายที่เอาแต่พูดๆ ฝ่ายเดียวโดยไม่ฟังความคิดเห็น หรือคำ อธิบาย ของลูกน้องเลย เป็นเจ้านายที่ปิดกั้นตัวเองอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเจ้านาย มักมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่า มีความรู้ มากกว่า ลูกน้อง แต่การไม่ยอมรับ ฟังอะไรจากใครเลย ก็ไม่เป็น ผลดี ลูกน้องอาจมีข้อเสนอดีๆ ที่นายมอง ข้ามไป หรืออาจมีคำ อธิบาย ที่ฟังขึ้น ในความผิดพลาดของงานที่นาย มองไม่เห็น การฟังลูกน้อง พูดหรืออธิบายบ้าง จะช่วยให้ลูกน้องทำงานอย่าง สบายใจ ไม่รู้สึก กดดันมากนัก เมื่อมีปัญหาเขาจะกล้ามาถามหรือ เสนอแนะในข้อ ที่เขาเห็นว่า เป็นทางเลือกที่ดี ฟังลูกน้องให้มาก ขึ้น เพียงนิดหน่อย ก็อาจช่วยให้คุณเป็นนายที่น่ารักขึ้น อีกมาก เชียวค่ะ
 
เป็นตัวอย่างที่ดีในการเข้างาน
ไม่ใช่ตัวหัวหน้า มาทำงานเกือบเที่ยงเป็นประจำ ทั้งๆที่เวลาเข้า ทำงาน 8.30 น. แต่คาดหวังให้ลูกน้องมาเช้า ก็จะเกิดช่องว่างแก่การ ครหาได้เช่นกัน หรือเจ้านายเอาแต่สีซออู้ เถรไถลไปโน่นมานี่ ลูกน้องที่เป็นสายพันธุ์เดียวกันก็เอาอย่างได้ โดยที่ลูกน้องคนอื่นๆ ก็เริ่มครหาสนุกปากทั่วองค์กร
 
บุคลิกภาพต้องดีเยี่ยม
ข้อนี้ไม่น่ามองข้ามเลยเจ้านายควรเป็นผู้มีบุคลิกดี แต่งกาย เหมาะสม กับรูปร่าง ฐานะทางสังคม ต้องสะอาด สุภาพเข้างานสังคม ได้ อย่างไม่ขัดหูขัดตา และมีบุคลิกเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ถ้าคุณเป็นนายที่เก่งเป็นเลิศอยู่แล้ว แตบุคลิกภาพแย่ ก็ยังมีข้อ บกพร่อง ให้ลูกน้องรู้สึกไม่ดีได้ ดังนั้นอย่าตกม้าตาย ด้วยเรื่องง่ายๆ
 
บุคลากรต้องมีให้พอ เครื่องมืออุปกรณ์ต้องครบ งบประมาณมีให้
ถ้าเจ้านายมีลูกน้องที่ดี มีความสามารถ และประสบการณ์ อยู่แล้วแต่ ไม่มีผู้ช่วยให้ เพราะประหยัดงบทรัพยากรบุคคล งานก็จะล่าช้าลง เช่น เจ้านายจะกินแกงสักถ้วย ลูกน้องต้องขึ้นต้นมะพร้าวเอง เตะลงมา ปลอกเอง ขูดมะพร้าว ตำน้ำพริก หั่นเนื้อ ติดไฟเอง โดยไม่มีใครช่วย กว่าจะได้กินแกงสักถ้วยก็คงจะถึงตีสี่ แต่หากมี บุคลากรให้ครบ กระจายงานออกไป งานจะเพิ่มผลผลิตเร็วขึ้น มากขึ้น หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสารคล่องตัว บวกกับงบประมาณที่มีให้เพียงพอ ที่จะสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ตามสมควร ลูกน้องก็จะทำงานได้อย่างคล่องตัว สบายใจ และผลผลิตที่ได้มาตรฐานก็จะตามมา
 
วิธีทำให้ลูกน้องรักคุณอย่างแยบคาย

การทำงานในระดับกลางและระดับสูง ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของกิจการทั่วๆ ไปที่กำลังเติบโต หรือแม้แต่พนักงานบริษัทที่ถูกโปรโมทขึ้นมานั่งแท่นในระดับผู้จัดการ คุณย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ คุณไม่สามารถลงมือทำได้ด้วยตัวคนเดียว การทำงานเป็นทีมย่อมหมายถึงการเข้าใกล้ความสำเร็จที่เร็วกว่า โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ
เมื่อมีคำว่าทีมขึ้นมา และคุณเองเป็นผู้จัดการทีมที่คุณสร้างขึ้นด้วยการจ้างพวกเขา หรือถูกมอบหมายให้ดูแลทีมงานที่มีอยู่แทนนายจ้าง ทักษะการทำงานในสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ทักษะในการ “บริหารคน” ย่อมเป็นสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า
เปรียบได้กับเล่าปี่ที่ไม่ได้มีความสามารถในการรบมากมายเหนือตำนานนักรบหรือกุนซือคนอื่นมากมายนัก แต่เขาสามารถบริหารนักรบมากฝีมือเหล่านั้นได้อย่างเฉียบแหลม เป็นผู้ปกครองที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีพี่น้องร่วมสาบานคนสำคัญอย่าง “กวนอู” ซึ่งรบเก่งมากๆ เป็นตัวอย่างของเจ้านายที่ลูกน้องรักและเทิดทูนจนได้กลายเป็นใหญ่ในตำนาน ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิดมาในตระกูลนักรบหรือชนชั้นสูง แต่ก็สามารถเป็น 1 ใน 3 ของแผ่นดินได้
หมายความว่าการมีลูกน้องที่ดีและบริหารความสัมพันธ์ให้พวกเขารักคุณ เทิดทูนคุณ ย่อมมีความสำคัญมากกว่าการที่คุณเป็นผู้จัดการที่ขายเก่งหรือทำงานเก่งเสียอีก ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าลูกน้องที่เก่งกว่ารักและยอมอุทิศตัวเพื่อทำงานกับคุณ คุณย่อมไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แถมยังทำงานง่ายขึ้นอีกต่างหาก
มาดูวิธีการทำให้ลูกน้องรักและศรัทธาคุณกันเลยครับ
1. หลีกเลี่ยงหรือห้ามใช้คำหยาบกับลูกน้องแม้แต่คำเดียว
เป็นการใช้สกิลปากอย่างถูกต้องและสุภาพ จงหลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบ การแซวแบบปัญญาอ่อนแรงๆ แม้แต่คำว่า “กู มึง” ก็ใช้ไม่ได้ ต่อให้คุณอยากจะมีความเป็นกันเองกับลูกน้องมากแค่ไหนก็ตาม ถ้าคุณต้องการได้ใจลูกน้องที่มีต้นทุนทางสังคมสูง หรือลูกน้องที่เก่งกาจและเป็นมืออาชีพ พวกเขาจะรับไม่ค่อยได้กับคำหยาบคายหรือ “ปากหมาๆ” ของคุณเด็ดขาด ต่อให้รับฟังต่อหน้าและยิ้ม แต่ลับหลังพวกเขาย่อมไม่พอใจแน่นอน แถมยังตัดสินคุณได้ด้วยว่าคุณมันก็แค่เจ้านายระดับธรรมดาๆ คนนึง ความเจ้ายศเจ้าอย่างในตัวคุณอาจทำให้คุณไม่รู้ตัว ท้ายที่สุดลูกน้องก็จะเลิกหนุนคุณและไม่ได้อยากรับรู้หรือสนับสนุนคุณซักเท่าไหร่
2. สื่อสารกับลูกน้องในเรื่องงานภายในเวลางานเท่านั้น
ยุคนี้เป็นยุคที่คนเรามักต้องการสมดุลชีวิตกับการทำงาน (Work Life-Balance) ซึ่งยุคให้การทำงานแบบ “หามรุ่งหามค่ำ” คงค่อยๆ หมดไปเรื่อยๆ ในสังคมปัจจุบันนี้ ยิ่งยุคนี้มีบริษัทสมัยใหม่หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบการจัดการแบบมืออาชีพ โดยเฉพาะบริษัทสตาร์ทอัพ ที่ให้ความสำคัญกับเวลาการทำงานและสมดุลชีวิตของพนักงานเป็นสำคัญ การสื่อสาร สั่งงานลูกน้องนอกเวลางาน เช่น ช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงหลัง 6 โมงเย็น คงไม่ใช่อะไรที่คุณสามารถทำได้แบบปกติอีกแล้ว นอกจากลูกน้องจะรู้สึกรำคาญและไม่อยากแม้แต่จะรับสายหรือเปิดไลน์มาดูข้อความของคุณ คุณยังมีสิทธิ์ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้จัดการที่แย่และบริหารเวลาการทำงานไม่ได้เรื่องนั่นเอง
3. รักษาคำพูดอยู่เสมอ
ยิ่งคุณเป็นใหญ่ คำพูดคุณยิ่งศักดิ์สิทธิ์ การรับปากมั่วซั่วและทำไม่ได้ เช่น รับปากว่าจะช่วยลูกน้องแต่ก็ลืม รับปากว่าจะพิจารณางานสำคัญให้แต่ก็จำไม่ได้ หรือแม้แต่การลืมอ่านอีเมลล์ที่ลูกน้องลูปอีเมลล์ (CC) คุณและคุณก็ไม่ได้อ่าน เป็นต้น เรื่องแบบนี้ไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้เลย เพราะมันหมายถึง “ความไม่ใส่ใจ” ของคุณ และเมื่อคุณจำไม่ได้ คุณก็จะเริ่มโวยวายหรือตีโพยตีพายว่าคุณได้พูดแบบนี้จริงๆ เหรอ ลูกน้องจะเจ็บและจำ จากนั้นก็จะหมดความเชื่อใจต่อคุณไปเรื่อยๆ เลวร้ายกว่านั้นก็ถึงขั้นลาออกได้เลย ถ้าเป็นคนขี้ลืมก็ควรจดบันทึกหรือให้ลูกน้องช่วยส่งข้อมูลแบบมี “ลายลักษณ์อักษร” เช่นไลน์ หรืออีเมลล์ เพื่อช่วยเตือนความจำอีกทางก็ได้
4. สอบถามความรู้สึกของลูกนี้ที่มีต่อคุณแบบเปิดใจ
คุณเคยไหมที่จะถามลูกน้องไปตรงๆ และให้พวกเขาบอกคุณแบบไม่อ้อมค้อมว่ารู้สึกยังไงเมื่อทำงานกับคุณ เชื่อเถอะว่าเจ้านายหลายๆ คนไม่เคยถามเลย กลัวที่จะรับความจริงไม่ได้ การออกตลาดและทำงานด้วยกันจะทำให้คุณมีเวลาส่วนตัวกับลูกน้องมากขึ้น คุณสามารถถามพวกเขาไปตรงๆ ได้เลยว่าโอเคกับการทำงานกับคุณไหม มีสิ่งไหนที่ไม่ชอบหรืออยากให้ปรับปรุง เพื่อที่คุณจะได้เป็นเจ้านายที่ดีขึ้น พวกเขาทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้น คำพูดจากลูกน้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการประเมินตัวเองว่าควรปรับปรุงจุดไหน หรือสิ่งใดที่ทำให้ลูกน้องรู้สึกดีกับคุณ คุณจะได้รักษาความดีนั้นไว้ พร้อมกับเป็นสิ่งที่ชื่นใจในการทำงานระดับผู้จัดการ
5. ให้ความเห็นเรื่องความสามารถของทีมงานด้วยความจริงใจ
เมื่อคุณอยู่กับลูกน้องอย่างมีเวลา คุณสามารถบอกความเห็นเชิงแนะนำในเรื่องของการทำงานหรือด้านอื่นๆ ได้ เช่น ข้อเสนอแนะเรื่องการทำงาน การวางตัว การแก้ปัญหา การชมเชย ฯลฯ ถ้าเป็นเรื่องเชิงบวก คุณควรพูดต่อหน้าเขาและทีมงาน เช่น การชมเชยเรื่องความสามารถ การกระทำที่ดี ฯลฯ ส่วนเรื่องเชิงลบ คุณควร “ปิดห้องคุย” หรืออยู่กับเขาแบบสองต่อสอง อย่าพูดเรื่องลบๆ ทั้งๆ ที่ลูกน้องทำผิดจริงต่อหน้าคนอื่นโดยเด็ดขาด เพราะเรื่องแบบนี้จะหมายถึง “การหักหน้า” ลูกน้องของคุณต่อหน้าคนอื่น และทำให้พวกเขาเสียหน้าอย่างแรงจนเกลียดคุณ
6. แสดงให้เห็นถึงการทำงานแบบมืออาชีพ
นิสัยใจคอที่ดีนับเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกว่านี้ไปอีกถ้าลูกน้องยอมรับเรื่องความสามารถในการทำงานของคุณ ถ้าคุณเป็นมือโปรก่อนถูกดึงเป็นผู้จัดการ คุณคงไม่ค่อยมีปัญหามากนักเมื่อต้องแสดงฝีมือต่อหน้าลูกน้อง เช่น การขายต่อหน้าลูกค้าที่ยากและเขี้ยว โดยมีลูกน้องเป็นผู้สังเกตการณ์ ถ้าคุณทำสำเร็จ ลูกน้องย่อมยอมรับนับถือฝีมือคุณมากยิ่งขึ้นแบบไม่ต้องพูดเยอะ นอกจากนี้คุณควรเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งเรื่องการทำงานให้ตรงเวลา มาตามเวลานัด ไม่ขี้เกียจหรืออู้งานจนลูกน้องสังเกตได้
7. จงตัดสินผลการทำงานของลูกน้องด้วยข้อมูล ไม่ใช่ความรู้สึกหรืออารมณ์
มีบ้างที่คุณเกิด “อารมณ์พิศวาส” (ฮา) กับลูกน้องที่พูดจาดี หน้าตาดี นิสัยดี คุณจึงเริ่มเทใจให้พวกเขาแบบ “รักไม่เท่ากัน” หรือถูกเลียจนหัวแม่ตีนระบมโดยลูกน้องผู้ลิ้นยาว เอาใจเก่ง จนทำให้คุณมองข้ามผลการทำงานที่แท้จริงของพวกเขา นี่คือการตัดสินคนคนหนึ่งด้วยอารมณ์และความรู้สึก ทีมจะพังเอาได้เพราะคนอื่นรู้สึกว่าคุณไม่แฟร์ คุณควรวัดผลการทำงานจากกิจกรรมที่สามารถวัดผลได้ เช่น จำนวนครั้งที่โทร เข้าพบลูกค้า ติดตามงาน ตัวเลข ฯลฯ คนที่ทำได้ดีและมีความสม่ำเสมอย่อมเป็นคนที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามตัวเลขในข้อมูล ส่วนคนที่เอาแต่เลียอย่างเดียวแต่การทำงานที่วัดผลเป็นตัวเลขไม่ได้เรื่องย่อมเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องต่อไป
8. พยายามอยู่ให้ห่างเรื่องดราม่าภายในองค์กร
เจ้านายที่ดีคือคนที่วางตัวอยู่เหนือดราม่า ไม่ว่าลูกน้องจะสุมหัวหรือกำลังเกลียดกัน ก่อม็อบการเมืองด้วยกันเอง คุณต้องอยู่เหนือกว่านั้นและวางตัวเป็นกลาง เจ้านายที่ห่วยจะเริ่มลงไปคลุกดินโคลนกับลูกน้องโดยโอนเอียงไปทางลูกน้องที่ตัวเองชื่นชอบ จากนั้นก็กลายเป็นคนที่ร่วมวงนินทากับคู่กรณีไปซะงั้น งานของคุณคือทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จนะครับ ไม่ใช้เข้าไปผสมโรงก่อเรื่องดราม่า ถ้ารู้ว่ามีดราม่าและมีความขัดแย้งภายในทีม จงลงไปเคลียร์ปัญหาแบบเป็นกลางให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็วที่สุด
9. จงคิดเสมอว่าพวกเขาอย่างทำงานให้ดีขึ้นและจงช่วยเขาให้ประสบความสำเร็จ
ใครก็ตามที่อยู่ในโลกแห่งการทำงาน พวกเขาย่อมอยากก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ เจ้านายสมัยก่อนจะมีความคิดที่ห่วย เช่น ไม่อยากให้ลูกน้องเก่งมากนักเพราะกลัวพวกเขาแย่งเก้าอี้ จึงกดหัวหรือข่มลูกน้องอยู่เสมอ แต่ยุคนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว ลูกน้องที่เก่งกาจย่อมอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องถามตัวเองและลงมือทำว่าจะทำอย่างไรถึงจะพาพวกเขาประสบความสำเร็จได้โดยเร็ว อย่าลืมนะครับว่าเวลาลูกน้องประสบความสำเร็จ ตัวคุณเองก็จะประสบความสำเร็จตามไปด้วยเช่นกัน
10. ปฎิบัติกับพวกเขาด้วยความจริงใจและตั้งอยู่ในอารมณ์ที่ดีเสมอ
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น ลูกน้องของคุณทำเรื่องผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง (ยกเว้นเรื่องทุจริต ทะเลาะเบาะแว้ง โกงกินบริษัท) คุณก็ไม่สามารถปั้นหน้ายักษ์ด่ากูมึงได้ การแสดงสีหน้าด้วยอารมณ์โกรธ เครียด ย่อมไม่มีประโยชน์และทำให้ลูกน้องหวาดกลัวคุณ ต่อให้พวกเขาทำดีลพันล้านล่ม คุณก็ด่าด้วยอารมณ์โกรธไม่ได้ครับ คุณเคยเห็นผู้จัดการทีมฟุตบอลพุ่งเข้าไปด่าลูกน้องเวลายิงจุดโทษพลาดมั้ยล่ะครับ ความเสียหายเยอะกว่าคุณแบบเทียบกันไม่ได้เลย การปฎิบัติกับลูกน้องด้วยการเป็นผู้นำที่แท้จริง ตั้งอยู่ในอารมณ์ที่ดีจะทำให้พวกเขารู้สึกศรัทธาคุณเสมอ
นี่ก็คือวิธีคิดและวิธีลงมือทำสำหรับการเป็นหัวหน้างานหรือผู้จัดการที่ลูกน้องรักครับ ขอบอกเลยว่าพูดง่าย แต่ทำได้ไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเองล้วนๆ เลย


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://www.impressionconsult.com/web/articles/1346-article-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html
https://www.mangozero.com/20-ways-to-good-leader/
https://www.sales100million.com/single-post/How-To-Make-Your-Employee-Love-You/