วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
กลับมาอีกครั้งกับการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)
แม้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่โคโรน่าที่กำลังระบาดอย่างหนักไปทั่วโลก ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ด้วยยังไม่มีวัคซีนหรือยาปฏิชีวนะชนิดใดที่สามารถควบคุมและรักษาให้หายได้ก็ตาม แต่ไม่ต้องตระหนกตกใจเกินไป เพราะเราทุกคนสามารถช่วยกันป้องกันให้ห่างไกลจาก COVID-19 ได้
จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทำให้พบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ หากสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ไม่ว่าจะไอ จาม น้ำมูก หรือแม้แต่อุจจาระ ดังนั้น ทุกคนต้องดูแลตัวเองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ดังนี้
สวมหน้ากากอนามัย
สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยอาการไข้หวัด ไอ และมีน้ำมูก และผู้ที่ไม่ป่วยให้สวมหน้ากากผ้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ผ่านทางลมหายใจ
หากจามหรือไอใช้กระดาษทิชชู่ปิดปากและจมูก
แล้วก้มหน้าลงที่ข้อพับตรงข้อศอกด้านใน ห้ามใช้มือเปล่าปิดปากปิดจมูก ที่สำคัญ ไม่ควรนำมือมาสัมผัสกับใบหน้าและขยี้ตา
ล้างมือให้สะอาด
เพื่อขจัดเหงื่อ ไขมันที่ออกมาตามธรรมชาติ และสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว โดยใช้เวลาในการฟอกมือ 15 -20 วินาทีโดยประมาณ หรือล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70%
ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตา แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อนส้อม เป็นต้น ควรแยกไว้เป็นของส่วนบุคคล โดยเฉพาะการดื่มหรือดูดน้ำจากภาชนะเดียวกัน เพราะในบ้านเรามีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสด้วยสาเหตุนี้ จึงต้องระมัดระวังมากขึ้น
ดูแลและควบคุมสุขอนามัยในบ้าน
และอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ถูกสุขลักษณะ โดยการทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และจัดบ้านให้มีอากาศถ่ายเท จะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสได้
หมั่นสังเกตด้วยตัวเอง
ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศา เจ็บคอ ไอแห้ง มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ควรไปพบแพทย์ทันที
อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
หากไม่มีเหตุจำเป็นก็ขอให้อยู่ในที่พักอาศัย เพื่อลดความเสี่ยง ทั้งการกระจายและการรับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว หากเดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีโรคระบาดหรือพื้นที่เสี่ยง อย่าลืมกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการ 14 วันด้วย
ข้อสำคัญ ห้ามเครียด
วิตกหรือคิดมากจนเกินไป พยายามรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรงเหมือนสุขภาพกาย
คนไทยและทุกคนบนโลกนี้จะต้องผ่านพ้นเรื่องนี้ไปด้วยกัน โดยปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างมีสติ ไม่มีใครช่วยได้หากเราไม่ช่วยกัน อีกไม่นานโลกจะกลับมาสดใสและพวกเราก็กลับมามีชีวิตประจำวันดังเดิมกันแล้ว
การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถต่อสู้กับโรคภัยต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้อื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ ไม่ว่าจะได้สัมผัสเชื้อหรือไม่ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงการจับมือ เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกัน ควรอยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร เลี่ยงไปในสถานที่แออัดหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการพักอยู่บ้านหากรู้สึกไม่สบาย การเว้นระยะห่างทางสังคม จะช่วยชะลอการกระจายของไวรัส ซึ่งทำให้ทรัพยากรเพียงพอต่อผู้ที่จำเป็นต้องใช้
การล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุด
การเฝ้าระวังและสังเกตอาการตัวเองนั้น นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสแล้ว หากระหว่างสังเกตพบว่ามีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อ ทำให้สามารถเข้ารับการตรวจและรักษาได้ทันท่วงทีอีกด้วย
มาตรการป้องกันการติดเชื้อไม่ใช่เป็นเพียงหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ หรือประชาชนคนใดคนนึง แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และสังคม
ที่มา:
กรมควบคุมโรค
https://www.gj.mahidol.ac.th/main/covid19/preventioncovid/
https://ch9airport.com/covid-19-prevention/
มาร่วมด้วยช่วยกันรับมือ
จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทำให้พบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ หากสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ไม่ว่าจะไอ จาม น้ำมูก หรือแม้แต่อุจจาระ ดังนั้น ทุกคนต้องดูแลตัวเองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ดังนี้
สวมหน้ากากอนามัย
สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยอาการไข้หวัด ไอ และมีน้ำมูก และผู้ที่ไม่ป่วยให้สวมหน้ากากผ้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ผ่านทางลมหายใจ
หากจามหรือไอใช้กระดาษทิชชู่ปิดปากและจมูก
แล้วก้มหน้าลงที่ข้อพับตรงข้อศอกด้านใน ห้ามใช้มือเปล่าปิดปากปิดจมูก ที่สำคัญ ไม่ควรนำมือมาสัมผัสกับใบหน้าและขยี้ตา
ล้างมือให้สะอาด
เพื่อขจัดเหงื่อ ไขมันที่ออกมาตามธรรมชาติ และสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว โดยใช้เวลาในการฟอกมือ 15 -20 วินาทีโดยประมาณ หรือล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70%
ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตา แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อนส้อม เป็นต้น ควรแยกไว้เป็นของส่วนบุคคล โดยเฉพาะการดื่มหรือดูดน้ำจากภาชนะเดียวกัน เพราะในบ้านเรามีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสด้วยสาเหตุนี้ จึงต้องระมัดระวังมากขึ้น
ดูแลและควบคุมสุขอนามัยในบ้าน
และอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ถูกสุขลักษณะ โดยการทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และจัดบ้านให้มีอากาศถ่ายเท จะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสได้
หมั่นสังเกตด้วยตัวเอง
ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศา เจ็บคอ ไอแห้ง มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ควรไปพบแพทย์ทันที
อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
หากไม่มีเหตุจำเป็นก็ขอให้อยู่ในที่พักอาศัย เพื่อลดความเสี่ยง ทั้งการกระจายและการรับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว หากเดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีโรคระบาดหรือพื้นที่เสี่ยง อย่าลืมกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการ 14 วันด้วย
ข้อสำคัญ ห้ามเครียด
วิตกหรือคิดมากจนเกินไป พยายามรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรงเหมือนสุขภาพกาย
คนไทยและทุกคนบนโลกนี้จะต้องผ่านพ้นเรื่องนี้ไปด้วยกัน โดยปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างมีสติ ไม่มีใครช่วยได้หากเราไม่ช่วยกัน อีกไม่นานโลกจะกลับมาสดใสและพวกเราก็กลับมามีชีวิตประจำวันดังเดิมกันแล้ว
วิธีป้องกันตัวเองและสังคมจากโรคติดต่อโควิด-19
การป้องกันตัวเองและสังคมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 เป็นมาตรการที่ประชาชนทุกคนควรทำและให้ความร่วมมือ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค รวมถึงลดการแพร่กระจายเชื้อในสังคม ซึ่งมาตรการดังกล่าวสามารถทำได้ ดังนี้
การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถต่อสู้กับโรคภัยต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้อื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ ไม่ว่าจะได้สัมผัสเชื้อหรือไม่ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงการจับมือ เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกัน ควรอยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร เลี่ยงไปในสถานที่แออัดหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการพักอยู่บ้านหากรู้สึกไม่สบาย การเว้นระยะห่างทางสังคม จะช่วยชะลอการกระจายของไวรัส ซึ่งทำให้ทรัพยากรเพียงพอต่อผู้ที่จำเป็นต้องใช้
การล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุด
การเฝ้าระวังและสังเกตอาการตัวเองนั้น นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสแล้ว หากระหว่างสังเกตพบว่ามีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อ ทำให้สามารถเข้ารับการตรวจและรักษาได้ทันท่วงทีอีกด้วย
มาตรการป้องกันการติดเชื้อไม่ใช่เป็นเพียงหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ หรือประชาชนคนใดคนนึง แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และสังคม
ที่มา:
กรมควบคุมโรค
https://www.gj.mahidol.ac.th/main/covid19/preventioncovid/
https://ch9airport.com/covid-19-prevention/